ข่าว
เสียวหมี่เผยรายงาน ESG 2027 ตอกย้ำความยั่งยืนและนวัตกรรม

สำนักข่าวบริคอินโฟ – เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน (Xiaomi Corporation) หรือ “เสียวหมี่” ได้เผยแพร่รายงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นฉบับที่ 7 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการขับเคลื่อนความยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีหลักพื้นฐาน โดยรายงานฉบับนี้เน้นย้ำถึงบทบาทผู้นำของเสียวหมี่ในการส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยี การบรรเทาและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงความพยายามในการรีไซเคิลและการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่
เสียวหมี่ได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีเทคโนโลยีหลักพื้นฐานเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ในงานประชุม COP29 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมและเท่าเทียมทางเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น รวมถึงกลยุทธ์ระบบนิเวศ “Human x Car x Home” เพื่อมอบวิถีชีวิตที่ยั่งยืนและชาญฉลาดแก่ผู้บริโภค
ในปี 2567 เสียวหมี่มีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) สูงถึง 24.1 พันล้านหยวน และมีการยื่นจดสิทธิบัตรทั่วโลกกว่า 42,000 ฉบับ ทีมงาน R&D ของบริษัทมีจำนวนกว่า 21,190 คน คิดเป็น 48.5% ของพนักงานทั้งหมด โดยคาดการณ์ว่าในช่วง 5 ปีแรก (พ.ศ. 2563-2573) การลงทุนด้าน R&D โดยรวมของบริษัทจะสูงเกิน 1 แสนล้านหยวน
โรงงานอัจฉริยะของเสียวหมี่และโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะได้เริ่มดำเนินการเมื่อปีที่ผ่านมา โดยนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรมและ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความยั่งยืน เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เสียวหมี่พัฒนาเอง ผสานรวมกับเทคโนโลยีอื่น ๆ ทำให้สายการผลิตมีความยืดหยุ่น ระบบโลจิสติกส์เป็นอัตโนมัติ และมีการควบคุมอุปกรณ์คลาวด์เอดจ์จากโรงงานอัจฉริยะ ส่งผลให้อัตราการทำงานอัตโนมัติในสายการผลิตสูงถึง 81% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอย่างมาก

เสียวหมี่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่เท่าเทียมและครอบคลุมสำหรับผู้ใช้งานทุกคน รวมถึงผู้ที่มีความต้องการพิเศษ ในปี 2567 บริษัทได้มุ่งมั่นปรับปรุงการสนับสนุนการเข้าถึง โดยเน้นที่ผู้ใช้งานกลุ่มพิเศษ เช่น ผู้ที่มีความบกพร่องทางสายตา การได้ยิน และทางร่างกาย มีการเปิดใช้ฟังก์ชันการแยกข้อความ คำบรรยายแบบเรียลไทม์ และการควบคุมด้วยท่าทาง ตัวอย่างเช่น การปรับปรุงฟีเจอร์ TalkBack สำหรับผู้พิการทางสายตา โดยใช้เทคโนโลยี OCR จากระบบย่อย AI ในระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS เพื่อให้สามารถจดจำและบรรยายข้อความในภาพแบบเรียลไทม์
ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ได้รวมฟังก์ชันคำบรรยายแบบเรียลไทม์ของ AI Assistant เข้ากับ Xiaomi Sound Recognition ทำให้มีความแม่นยำในการถอดเสียงสูงถึง 93% นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ โดยร่วมมือกับสถาบันต่าง ๆ เปิดตัวโครงการที่ใส่ใจสุขภาพและความปลอดภัยของผู้สูงอายุ และส่งเสริมการปรับปรุงที่เป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ เพื่อพัฒนามาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ แอปพลิเคชัน และการออกแบบที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้สูงอายุ
ในด้านการบรรเทาและปรับตัวต่อสภาพอากาศ เสียวหมี่ไม่เพียงแต่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ในการดำเนินงานของตนเอง แต่ยังกำหนดให้พันธมิตรในห่วงโซ่อุปทานของสมาร์ทโฟนต้องมีเป้าหมายการลด GHG และแผนการใช้พลังงานหมุนเวียน ภายในปี 2573 ซัพพลายเออร์ในธุรกิจสมาร์ทโฟนต้องลดการปล่อยคาร์บอนเฉลี่ยต่อปีอย่างน้อย 5% (เทียบกับปี 2567) และมีอัตราการใช้ไฟฟ้าหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 25% และภายในปี 2593 ซัพพลายเออร์ของธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่จะต้องใช้พลังงานหมุนเวียน 100%
เสียวหมี่ได้วัดปริมาณการปล่อยคาร์บอนตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ตัวแทน 18 รายการ ในปี 2567 และร่วมมือกับองค์กรอิสระด้านการทำบัญชีและการรับรอง GHG เพื่อกำหนดกระบวนการประเมินปริมาณการปล่อยคาร์บอนสำหรับผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน มาตรการตอบสนองต่อสภาพอากาศถูกนำไปใช้ในทุกภาคส่วนธุรกิจ ตั้งแต่การดำเนินงานในสำนักงาน การผลิต โลจิสติกส์ การขนส่ง การดำเนินงานในร้านค้า และห่วงโซ่อุปทาน ธุรกิจของเสียวหมี่ในขอบเขตการดำเนินงานได้รับการรับรองระบบการจัดการพลังงาน ISO 50001 และผ่านการตรวจสอบประจำปี นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังส่งเสริมการขนส่งทางทะเลและทางรถไฟแทนการขนส่งทางอากาศ ซึ่งในปี 2567 สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 3,378 ตัน
สำหรับการรีไซเคิลและการใช้ซ้ำ เสียวหมี่ได้ดำเนินโครงการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก และนำแนวทางการรีไซเคิลแบบแบ่งระดับมาใช้ โดยมีเป้าหมายที่จะรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์กว่า 38,000 ตัน ในระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2565-2569) และ ณ สิ้นปี 2567 ได้บรรลุเป้าหมายไปแล้ว 95.94% มีอุปกรณ์ที่ใช้แล้วกว่า 1.3 ล้านเครื่องได้รับการรีไซเคิลในโครงการแลกเปลี่ยนของจีนแผ่นดินใหญ่ และมีการขยายธุรกิจซ่อมแซมอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการซ่อมแซมไปมากกว่า 130,000 เครื่อง เพิ่มขึ้น 4.7% จากปี 2566
เสียวหมี่ยังได้นำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในการออกแบบและผลิตสมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในบ้าน เช่น ฝาหลังของ Xiaomi 14T ใช้วัสดุชีวภาพจากกากมะนาว และมีการใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิลในโครงกลาง รวมถึงอลูมิเนียม ทอง และทองแดงรีไซเคิลในส่วนประกอบอะคูสติก โรงงานอัจฉริยะของเสียวหมี่ได้จัดทำระบบการจัดการขยะฝังกลบเป็นศูนย์ โดยในปี 2567 มีอัตราการแยกขยะ (WDR) ถึง 99.35% และได้รับการรับรองระบบการจัดการขยะฝังกลบเป็นศูนย์จาก TÜV Rheinland ด้วยคะแนนสูงสุดระดับโลก 3 ดาว เสียวหมี่ยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าผ่านการพัฒนาที่ยั่งยืน