Connect with us

บทความ

วิกฤตโควิด-19 แบบนี้ “ผ่อนชำระหนี้” หรือ “พักหนี้” ดี ? | Brickinfo มีคำตอบ

Published

on

จากวิกฤติไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลก มิหนำซ้ำยังทำให้รายได้ของประชาชนและธุรกิจต่าง ๆ พากันลดลงอย่างถ้วนหน้า เนื่องจากหลายธุรกิจต้องปิดกิจการลงในช่วงดังกล่าว คนจำนวนไม่น้อย ตกงาน ขาดรายได้ ซึ่งกลุ่มคนที่เดือดร้อนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ที่สุด คงหนีไม่พ้น คนที่มีภาระหนี้เพราะมีรายได้ลดลง แต่ยังมีค่างวดที่ต้องผ่อนชำระทุกเดือน

โดย : จิรายุส์ ขุนนางประเสริฐ

จากวิกฤติที่กระทบทุกภาคส่วนในขณะนี้ ช่วงนี้สถาบันการเงินทุกที่จึงมีมาตรการผ่อนปรนการชำระหนี้เพื่อช่วยเหลือและลดภาระให้ประชาชนและธุรกิจในหลายรูปแบบ เช่น การพักชำระเงินต้น หรือการพักชำระดอกเบี้ย เป็นต้น ซึ่งวันนี้เราจะมาหาคำตอบกันว่ามาตรการผ่อนปรนแต่ละวิธีหมายถึงอะไร และเมื่อจบช่วงผ่อนปรนแล้ว ยอดหนี้คงเหลือของแต่ละวิธีจะเป็นอย่างไร รวมทั้งถ้าต้องเลือกระหว่างผ่อนชำระตามปกติ หรือใช้มาตรการผ่อนปรน พวกเราควรเลือกทางไหนดี

Advertisement

เริ่มจากวิธีที่ 1 “การพักชำระเงินต้น”

“การพักชำระเงินต้น” หมายถึง สถาบันการเงินผ่อนปรนให้ลูกหนี้ไม่ต้องชำระคืนเงินต้นตามเวลาที่กำหนด แต่ยังต้องชำระส่วนของดอกเบี้ยตามปกติ

ตัวอย่างเช่น นาย ก. อาชีพขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กู้สินเชื่อบ้านโดยตกลงกับธนาคาร A ว่าจะผ่อนชำระค่างวดเดือนละ 10,000 บาท แบ่งเป็นส่วนที่ชำระคืนเงินต้น 4,000 บาท และส่วนของดอกเบี้ย 6,000 บาท การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้นาย ก. มีรายได้ไม่พอที่จะชำระค่างวดผ่อนบ้านได้ทั้งหมด

ธนาคาร A จึงผ่อนปรนให้นาย ก. สามารถพักชำระเงินต้นเป็นระยะเวลา 6 เดือน หมายความว่า ในช่วงเดือนเมษายน – กันยายน 2563 ธนาคาร A ผ่อนปรนให้นาย ก. ยังไม่ต้องชำระค่างวดในส่วนที่ชำระคืนเงินต้น 4,000 บาท แต่ให้ชำระเฉพาะส่วนของดอกเบี้ย 6,000 บาท ทำให้จากเดิมที่นาย ก. ต้องชำระค่างวดเดือนละ 10,000 บาท จะเหลือเพียง 6,000 บาทในช่วง 6 เดือนนี้ 

ข้อดีของวิธีนี้ คือ แม้นาย ก. จะไม่สามารถชำระค่างวดได้ครบในช่วง 6 เดือนนี้ ธนาคาร A จะไม่ถือว่านาย ก. ผิดนัดชำระหนี้ ดังนั้นประวัติการผ่อนจ่ายชำระหนี้จะไม่เสีย และในขณะที่ยังมีความไม่แน่นอนว่าปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะจบลงเมื่อใด นาย ก. ก็จะมีเงินเหลืออีก 4,000 บาทเพิ่มเติมในแต่ละเดือน จากการพักชำระเงินต้นกับธนาคาร A ไว้ใช้สำหรับการดำรงชีพ

Advertisement

สำหรับวิธีที่ 2 “การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย”

“การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย” คือการที่สถาบันการเงินผ่อนปรนให้ลูกหนี้สามารถ “เลื่อนงวดการผ่อนชำระ” ทั้งในส่วนชำระคืนเงินต้นและส่วนของดอกเบี้ย ออกไประยะหนึ่ง เช่น 6 เดือน      

ตัวอย่างเดิม นาย ก. คนขับรถแท็กซี่ กู้ซื้อบ้านแต่ครั้งนี้เป็นลูกค้าของธนาคาร B ซึ่งจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ธนาคาร B ผ่อนปรนให้นาย ก. สามารถเลื่อนงวดการผ่อนชำระออกไปได้ 6 เดือน ระหว่างเดือนเมษายน – กันยายน 2563         

ถ้าจะอธิบายง่าย ๆ มาตรการนี้ คือ การเลื่อน “วันครบกำหนดชำระ” ค่างวดออกไป ซึ่งแม้นาย ก. จะไม่สามารถจ่ายค่างวดผ่อนบ้าน 10,000 บาทได้ ก็จะไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ และไม่เสียประวัติในฐานข้อมูลเครดิตบูโร นอกจากนี้ ข้อดีอีกประการ คือ ในช่วง 6 เดือนนี้ที่สถานการณ์ยังไม่แน่นอน นาย ก. ก็จะมีเงินเหลือ 10,000 บาทเพิ่มเติม จากการที่ “ยังไม่ต้องชำระค่างวด” ไว้เป็นสภาพคล่องใช้สำหรับดำรงชีพ

Advertisement

อย่างไรก็ดี การที่ธนาคาร B ผ่อนปรนให้นาย ก. “ยังไม่ต้องชำระค่างวด” ไม่ได้หมายความว่าจะยกหนี้ส่วนที่เหลือให้ เพียงแค่บอกว่า “ยังไม่ต้องชำระคืนในช่วงนี้” โดยในช่วงผ่อนปรนนี้ ดอกเบี้ยก็ยังคงเดินต่อไป

เปรียบเทียบภาระทางการเงินภายใต้ทางเลือกต่าง ๆ

คราวนี้ลองเปรียบเทียบว่าหลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 6 เดือน ภายใต้ทางเลือกต่าง ๆ ภาระทางการเงินในแต่ละกรณีจะเป็นอย่างไร

สมมติว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม เรามีภาระหนี้คงค้างอยู่ที่ 1,000,000 บาท และต้องผ่อนชำระเดือนละ 10,000 บาท แบ่งเป็นส่วนที่ชำระคืนเงินต้น 4,000 บาท และส่วนของดอกเบี้ย 6,000 บาท

Advertisement

กรณีที่ 1 : “ผ่อนชำระปกติ” หรือจ่าย 10,000 บาท ทุกเดือน

6 เดือนต่อมา ภาระหนี้จะลดลงเหลือ 976,000 บาท คิดจาก 1,000,000 บาท – 24,000 บาท (หักส่วนที่ชำระคืนเงินต้นเดือนละ 4,000 บาท x 6 เดือน)

กรณีที่ 2 : “พักชำระเงินต้น” เป็นเวลา 6 เดือน จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท ซึ่งช่วงนี้เจ้าหนี้อนุโลมและไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้  

Advertisement

6 เดือนต่อมา ภาระหนี้จะอยู่ที่ 1,000,000 บาท เท่ากับยอดหนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม

กรณีที่ 3 : “พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย” หรือเลื่อนงวดการผ่อนชำระออกไปก่อน ซึ่งช่วงนี้เจ้าหนี้อนุโลมและไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้

6 เดือนต่อมา ภาระหนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,036,000  บาท คิดจาก 1,000,000 บาท + 36,000 บาท (ส่วนที่เป็นดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท x 6 เดือน)   

Advertisement

โดยสรุปแล้ว มาตรการผ่อนปรนให้สามารถพักหรือเลื่อนชำระหนี้มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 และไม่สามารถชำระค่างวดได้เต็มตามสัญญา โดยยังไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ และไม่ทำให้เสียประวัติการผ่อนชำระในฐานข้อมูลเครดิตบูโร นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่อนปรนประชาชนจะมีสภาพคล่องไว้สำหรับใช้จ่ายเพิ่มเติม

อย่างไรก็ดี การผ่อนปรน คือ การเลื่อนกำหนดชำระหนี้ออกไป ภาระหนี้จะยังคงอยู่และในช่วงที่ผ่อนปรน ดอกเบี้ยยังเดินอยู่ ซึ่งแต่ละคนอาจได้รับผลกระทบแตกต่างกันและสามารถเลือกวิธีผ่อนชำระที่เหมาะสมกับรายได้และเงินในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองได้

ทั้งนี้ หากใครอยู่ในกลุ่มที่ยังพอมีศักยภาพ ขอแนะนำให้เลือกชำระตามปกติเพราะจะช่วยให้ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเติม หนี้ไม่เพิ่ม และบางธนาคารให้สิทธิพิเศษปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่สำหรับใครที่ได้รับผลกระทบ มีสภาพคล่องไม่พอ แนวทางการเลื่อนหรือพักชำระหนี้ก็จะเป็นทางออกหนึ่งสำหรับช่วงวิกฤติแบบนี้

Advertisement