ข่าว
UAV เบื้องหลังความสำเร็จ ในการตรวจจุดความร้อน ค้นหาไฟป่า

ผู้สื่อข่าว : เหม.กาญจนา ประชาสัมพันธ์กองทัพภาค ๓
เรียบเรียง : กองบรรณาธิการ Brickinfo
เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 63 เวลา 09.30 กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ร่วมกับ กองทัพอากาศ นำเครืองบิน UAV อากาศยานไร้คนขับ ขึ้นบินตรวจกลุ่มความร้อน รอยต่อจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูนและจังหวัดลำปาง เพื่อหาจุดความร้อน ในพื้นที่ สำหรับถ่ายทอดสัญญาณภาพแบบ real time ส่งภาพมาที่ กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า


สำหรับเครื่องบิน UAV อากาศยานไร้คนขับ ใช้ในการยืนยันเป้าหมายจุดความร้อน ผ่านทางเซ็นเซอร์ เพื่อลดระยะเวลาในการตัดสินใจ พร้อมทั้งการถ่ายภาพจุดความร้อนแบบ real time นาทีต่อนาที ระยะทำการบิน 200 กิโลเมตร ความสูงอยู่ที่ 18,000 ฟุต บินได้นาน 10-12 ชั่วโมง สามารถทราบขนาดของกลุ่มไฟที่เกิดขึ้น เพื่อยืนยันเป้าหมายให้ผู้ดำเนินการดับไฟป่าภาคพื้นหรือเฮลิคอปเตอร์ทิ้งน้ำ เข้าถึงจุดความร้อนได้อย่างถูกต้องแม่นยำ


ล่าสุด กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ปรับแผนการปฏิบัติ นำเฮลิคอปเตอร์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบ 32 มาประจำที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำปาง ส่วนเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ 72 และเครื่องบินฝึกแบบ 41 ของกองทัพบก มาประจำอยู่ที่กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ที่ค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วยในการลาดตระเวน ตรวจสอบสภาพอากาศ และหาพิกัดจุดความร้อน ส่งให้หน่วยดับไฟภาคพื้นดิน ในส่วนของภารกิจการปฏิบัติ เครื่องบิน UAV ตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 63 ถึงปัจจุบัน รวม 24 ชั่วโมง 42 นาที จากการที่เครื่องบิน UAV ขึ้นบินปฏิบัติการตรวจจุดความร้อนนั้น ทำให้หน่วยดับไฟภาคพื้นดินและเฮลิคอปเตอร์ทิ้งน้ำสามารถวางแผนและเตรียมการในการดับไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ