อีริคสัน เผยรายงาน Mobility Report ล่าสุด คาดปี 71 ยอดผู้ใช้ 5G ทั่วโลกแตะ 6.4 พันล้านราย พร้อมจับตาการมาของ 6G

สำนักข่าวบริคอินโฟ – อีริคสัน (Ericsson) เปิดเผยรายงาน Ericsson Mobility Report (EMR) ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2568 ชี้เทรนด์บริการรูปแบบใหม่ Differentiated Connectivity กำลังได้รับความนิยม โดยมีเทคโนโลยี Network Slicing เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ พร้อมคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2571 ยอดผู้ใช้บริการ 5G ทั่วโลกจะสูงถึง 6.4 พันล้านราย หรือคิดเป็น 2 ใน 3 ของผู้ใช้บริการมือถือทั้งหมด รวมถึงเริ่มมีการประเมินไทม์ไลน์การเข้าสู่ยุค 6G เชิงพาณิชย์ในตลาดสำคัญทั่วโลก

รายงานระบุว่า การติดตั้งเครือข่าย 5G Standalone (5G SA) เป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นการเติบโตในปีนี้ โดยปัจจุบันมีผู้ให้บริการการสื่อสาร (CSPs) มากกว่า 90 รายที่เปิดตัวและทดลองให้บริการ 5G SA เพิ่มขึ้นประมาณ 30 รายเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ความก้าวหน้านี้ส่งผลให้ผู้ให้บริการจำนวนมากหันมาเปิดบริการการเชื่อมต่อที่แตกต่างหลากหลาย หรือ Differentiated Connectivity เชิงพาณิชย์ โดยอาศัยเทคโนโลยี Network Slicing เพื่อรับประกันคุณภาพสำหรับยูสเคสต่าง ๆ โดยขณะนี้มีผู้ให้บริการ 33 รายทั่วโลกเปิดให้บริการในรูปแบบนี้ รวมทั้งสิ้น 65 รายการ ซึ่งครอบคลุมทั้งลูกค้าทั่วไปและลูกค้าองค์กร

สำหรับภาพรวมการเติบโตของ 5G ทั่วโลก คาดว่าภายในสิ้นปี 2568 นี้ จะมีจำนวนผู้ใช้บริการแตะ 2.9 พันล้านราย เพิ่มขึ้นราว 600 ล้านรายจากปีก่อนหน้า และคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2571 จำนวนผู้ใช้บริการ 5G จะพุ่งสูงถึง 6.4 พันล้านราย โดยประมาณ 4.1 พันล้านรายในจำนวนนี้จะเป็นผู้ใช้งานบนเครือข่าย 5G SA นอกจากนี้ ในด้านปริมาณการใช้ข้อมูล (Data Traffic) บนเครือข่ายมือถือ พบว่ามีการเติบโต 20% ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 เทียบกับปีก่อนหน้า และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 16% ต่อปีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2571

ในส่วนของเทคโนโลยี 6G รายงาน EMR ฉบับนี้ได้ระบุถึงกรอบเวลาการคาดการณ์ไปจนถึงสิ้นปี 2574 โดยประเมินว่าการเปิดตัวเครือข่าย 6G เชิงพาณิชย์ครั้งแรกจะเกิดขึ้นในตลาดหลักอย่าง สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, จีน, อินเดีย และบางประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับ (GCC) ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปี 2571 จะมีผู้ใช้บริการ 6G ทั่วโลกแตะ 180 ล้านราย ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดหากมีการเปิดตัวเร็วกว่ากำหนด ขณะที่ฝั่งยุโรปคาดว่าจะเริ่มให้บริการช้ากว่าภูมิภาคอื่นประมาณ 1 ปี เนื่องจากการติดตั้ง 5G SA ที่ล่าช้ากว่า

ด้านสถานการณ์ในประเทศไทย นายแอนเดอร์ส เรียน ประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยกำลังเติบโตรวดเร็วและเครือข่าย 5G Standalone จะทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้กับผู้ให้บริการสามารถนำเสนอบริการใหม่ ๆ ที่แตกต่างและโดดเด่นสำหรับองค์กรและผู้บริโภคในประเทศไทย การนำเครือข่าย 5G SA มาใช้งานยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับการพัฒนานวัตกรรมของทั้งภาคเอกชนและบริการดิจิทัลของภาครัฐฯ ช่วยให้ประเทศสามารถได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G เต็มรูปแบบพร้อมบรรลุวิสัยทัศน์ไทยแลนด์ 4.0″

นอกจากนี้ บริการ Fixed Wireless Access (FWA) ยังคงเป็นยูสเคสสำคัญของ 5G โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2571 จะมีผู้ใช้บริการ FWA ทั่วโลกประมาณ 1.4 พันล้านราย ซึ่ง 90% ของจำนวนนี้ใช้งานผ่านเครือข่าย 5G ปัจจุบันมีผู้ให้บริการ 159 รายที่เปิดให้บริการ FWA ผ่าน 5G คิดเป็น 65% ของผู้ให้บริการ FWA ทั้งหมด และพบแนวโน้มการเสนออัตราค่าบริการตามความเร็ว (Speed-based pricing) เพิ่มขึ้นเป็น 54% ซึ่งเป็นรูปแบบการสร้างรายได้ที่คล้ายคลึงกับบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตบ้าน