Connect with us

รีวิวภาพยนตร์

จบแล้วยังไง? THE PARADES เดอะ พาเหรด สำรวจมุมมองการสูญเสียผ่าน ผู้เสียชีวิต ในโลกแห่งผู้ติดค้างผ่านการแต่งแต้มจินตนาการ

Published

on

เป็นหนังที่เรียกได้ว่า ซุ่มเงียบในการทำไม่พอ ยังปล่อยตัวอย่างรวมถึงโปสเตอร์กันแบบเงียบๆ สำหรับ “THE PARADES เดอะ พาเหรด” 1 ใน 2 ผลงานภาพยนตร์ของผู้กำกับฟูจิอิ มิจิฮิโตะ ที่มีการประกาศฉายในปีนี้ (ณ ตอนนี้) ซึ่งสตรีมมิ่งไปทาง NETFLIX เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา 4 ปีมีครั้งเดียว สตรีมให้คนจำวันเข้าได้แบบง่ายๆ เลย…

ตัวอย่างก็ถือว่าดึงดูดใจเรานิดๆ กับการที่เราจะได้เห็นจินตนาการในโลกที่อยู่ระหว่างโลกมนุษย์กับโลกหลังความตาย ที่เหล่ามนุษย์ผู้ซึ่งเสียชีวิต แต่ใจยังคงติดค้างความรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่ (เราขอเรียกว่า โลกของเหล่าผู้ติดค้าง ล่ะกัน) จึงไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ พวกเขาจึงรวมตัวกันออกตามหาคนที่รัก เพื่อที่จะได้บอกความรู้สึกของตนเป็นครั้งสุดท้าย

เรามักจะได้ยินกันมาตลอดว่า คนในครอบครัวที่เสียชีวิตจะกลับมาหาในความฝัน อยู่กันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ เราก็ไม่ทราบได้ แต่เราไม่ลบหลู่ เพราะตัวผู้เขียนเองไม่เคยมีประสบการณ์นี้มาก่อนเลย ในการมีคนในครอบครัวที่เสียชีวิตมาหา แต่ด้วยความที่หนังกำลังเลือกที่จะเล่าเรื่องราวตรงนี้ ก็ทำดึงดูดใจอยากให้ดูหนังอย่างที่บอกไปข้างต้น เพราะโดยปกติ หนังดราม่าที่เป็นเรื่องราวการสูญเสียคนสำคัญไป ก็เป็นเรื่องปกติที่จะถูกเล่าในฝั่งของมุมคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีใครรู้และคงไม่มีใครมาบอกเราว่า โลกหลังความตายนั้นเป็นยังไง?

Advertisement

แต่ “THE PARADES” ได้เลือกที่จะเล่าในมุมที่ไม่ค่อยจะมีใครไปสำรวจ โดยผ่านการแต่งแต้มจินตนาการ ให้เราได้เห็นว่า นี่คือเรื่องราวของเหล่าผู้ที่จากไป แต่ยังคงติดค้างความรู้สึกบางอย่าง จึงยังไปไม่ได้ แล้วเขาเป็นอยู่กันยังไงล่ะ? ในโลกของเหล่าผู้ติดค้าง ซึ่งอยู่ระหว่างโลกความเป็นกับความตาย ทำให้หนังน่าสนใจขึ้นมาในทันที

เอาตั้งแต่ Opening Scene เลย ฟูจิอิ มิจิฮิโตะ ซัดเราลงไปกองกับพื้นของความรู้สึก ด้วยการนำเอาเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่โทโฮคุ ในปี 2011 มาเป็นฉากเปิดเรื่องเราของหนัง ถึงแม้ว่า หนังจะไม่ได้มีการพูดตรงๆ ว่า เกิดปีอะไร? แต่จากเหตุการณ์ที่ถูกเล่ามาในเรื่องราวก็พอที่จะสามารถเดาได้อยู่ เพราะในช่วงหลัง ภาพยนตร์ญี่ปุ่นหลายๆ เรื่องก็เริ่มหยิบเหตุการณ์ดังกล่าว มาเป็นส่วนหนึ่งในการเล่าเรื่องราวของหนังหลายต่อหลายเรื่องแล้ว…

ซึ่งเป็นการซัดก้อนอารมณ์ราวกับสึนามิลูกใหญ่ไม่ใช่แค่ผ่านด้วยเรื่องราวของตัวละคร แต่ยังซัดผ่านภาพบรรยากาศแวดล้อมกว่า 20 นาที ให้ผู้ชมจมดิ่งเหมือนกับเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไปด้วยกัน อัดแน่นไปด้วยความสับสน, ความเจ็บปวด อย่างรุนแรง ที่ถ้าใจบางคนไม่ไหวก็สามารถร้องไห้ออกมาได้เลย แต่ถึงแม้จะบอกว่า 20 นาทีแรกซัดก้อนอารมณ์ลูกใหญ่มาแล้ว ระหว่างทางที่เรื่องราวได้ดำเนินไปจนจบ ก็ยังคงมีคลื่นอารมณ์ลูกเล็กๆ ซัดกระทบเข้ากับชายฝั่งมาเรื่อยๆ แล้วก็เรียกน้ำตาเราได้แทบทุกครั้ง ที่เรื่องราวค่อยๆ เล่าไปเรื่อยๆ จนมีคิดขึ้นมาว่า ใครเอาหัวหอมมาปลอกป่ะ น้ำตาไหลบ่อยอย่างกับปลอกหัวหอมอยู่เลย ฮา~ เพราะน้ำตาอาบแก้มหลายฉากมาก

เรื่องราวของตัวละครในแต่ละตัว สุดท้ายแล้วจุดร่วมที่มาบรรจบกัน และเป็น Massage ส่งมาถึงทุกคนก็คือ ในช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ อยากทำอะไรให้กับคนที่เรารัก เราห่วงใย ให้รีบทำ ให้ลงมือทำเลย สร้างสิ่งดีๆ ให้แก่กันเต็มไว้เป็นความทรงจำ ไม่ต้องรอว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้ เพราะเราไม่รู้ว่า เราจะจากโลกนี้ไปในเวลาไหน หรือเมื่อไร? อย่างที่เราเห็นในภาพยนตร์ ทุกคนที่มาร่วมตัวกันใน โลกของเหล่าผู้ติดค้าง ก็มีมากมายหลายอายุด้วยกัน อย่างล่าสุด รุ่นพี่ที่ทำงานของผู้เขียนเองก็พึ่งสูญเสียลูกวัยราวๆ 7 ปีไปเช่นกัน ดังนั้นความตายไม่ได้รอเราจนถึงอายุ 70-80 จะมาในตอนไหน เราก็ไม่รู้ได้ ดังนั้น อยากทำอะไรให้กับคนที่รักและห่วงใย จงทำเลย จะได้ไม่ต้องมาเสียดายในภายหลัง

Advertisement

นักแสดงนำทุกคนคือดีมากๆ เข้าขากันดีแบบทุกคน จนทำให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนเลยว่า มนุษย์เรามีจิตใจที่งดงามและพร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในคราวที่ลำบาก เพื่อฝ่าฟันอุปสรรคไปพร้อมๆ กัน ซึ่งนี่คือความอบอุ่นในเรื่องราวที่หนังได้มอบให้เป็นการปลอบประโลม หลังจากที่เจอคลื่นอารมณ์ซัดเข้ามาผ่านเรื่องราวตลอดเวลา

แต่ถ้าถามว่า ใครที่ขโมยซีนมากที่สุดสำหรับเรา คงจะหนีไม่พ้น ลิลี่ แฟรงกี้ ที่รับบทเป็น ไมเคิล แน่นอน ภายใต้ความร่าเริงที่ทำให้หลายๆ คนไม่สบอารมณ์ แต่จริงๆ เขาก็เป็นมนุษย์ที่เปราะบางคนนึง ในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองต้องการเช่นเดียวกัน เพียงแต่เขาไม่ได้พูดออกมาให้ใครฟังก็เท่านั้น

ฉากขบวนพาเหรดที่ร่วมกันออกตามหาคนที่รักที่เป็นไฮไลท์ตามชื่อเรื่องของหนังเลย ก็ทำออกมาได้งดงาม ราวกับอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวนับล้านบนท้องฟ้า แต่เพียงแค่ว่า หมู่ดาวที่เราเห็นก็คือกลุ่มผู้คนที่อยู่ในโลกของเหล่าผู้ติดค้างนั่นเอง เป็นฉากที่ทำออกมาได้ดีจริงๆ ดีจนอยากดูในโรงแบบเต็มๆ ตาเลย…

สำหรับ “THE PARADES เดอะ พาเหรด” ยกให้เป็นผลงานที่ดีลำดับต้นๆ กับ “THE LAST 10 YEARS สุดท้ายและตลอดไป” ได้เลย หนักหน่วงในด้านอารมณ์เช่นเดียวกัน และยังให้เราหันกลับไปใช้เวลาที่มีอยู่กับคนที่รักอย่างดีที่สุด สร้างสิ่งดีๆ ให้แก่กันเต็มไว้เป็นความทรงจำ เพราะไม่รู้ว่า ความตายจะมาพรากจากกันไปเมื่อใด

Advertisement