Connect with us

บันเทิงญี่ปุ่น

จบแล้วยังไง? GODZILLA MINUS ONE หนังก็อตซิลลาที่ทำให้เราร้องไห้ เปี่ยมไปด้วยอารมณ์อย่างลึกซึ้งและสมบูรณ์แบบ

Published

on

หลังจากที่ภาพยนตร์ “GODZILLA MINUS ONE” ได้ออกฉายไปสักพักใหญ่ๆ รวมไปถึงการคว้ารางวัลระดับโลกอย่าง Acadamy Awards (Oscars) สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม กลับมาครองในท้ายที่สุด ก็ถึงเวลาที่ชาวเอเชียจะได้ชมกันสักที แม้จะเป็นการได้ชมผ่านทางสตรีมมิ่งก็ตาม

ยามาซากิ ทาคาชิ

ทุกผลงานที่ผู้กำกับ ยามาซากิ ทาคาชิ ทำผ่านมา เอาในผลงานที่คนไทยจะรู้จักกันเลยก็คือ “Always ถนนสายนี้ หัวใจไม่เคยลืม ไตรภาค” กับเรื่องราวอบอุ่นหัวใจของครอบครัวซุซุกิ พร้อมทั้งเนรมิตโตเกียวในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นมาผ่าน Visual Effects และ Practical Effects, “Eien no Zero” หนังสงครามที่ Christopher Nolan ยอมรับว่า ทุนน้อยแต่ก็ยังสามารถทำออกมาได้สมจริงด้วย VFX, “Stand By Me โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 1-2” ที่ทำให้ผู้ชมเสียน้ำตาหนักมากกันมาแล้ว, DESTINY มหัศจรรย์โลกแห่งความตาย และ GHOST BOOK อัศจรรย์หนังสือดูดวิญญาณ ภาพยนตร์แฟนตาซีที่เปี่ยมไปด้วยเหล่าสัตว์ประหลาดมากมาย ก็คือการบ่มเพาะประสบการณ์เพื่อมาสร้างภาพยนตร์ ราชันแห่งสัตว์ประหลาดที่ทั่วโลกต่างรู้จักซึ่งมีนามว่า “GODZILLA”

GODZILLA MINUS ONE

“GODZILLA MINUS ONE” ว่าด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นที่กำลังฟื้นฟูประเทศหลังจากเป็นผู้พ่ายแพ้ในสงคราม ต้องเริ่มนับ 1 จากการสูญเสียไปมากมาย กลับต้องมาเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่มีชื่อเรียกว่า “GODZILLA” ปรากฎตัวขึ้นอย่างลึกลับและหาที่มาไม่ได้ ซึ่งมันพร้อมทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าและทำร้ายมัน

ในวันที่ญี่ปุ่นไม่มีกำลังในการต่อสู้เหมือนกับในอดีต พวกเขาจะทำอย่างไรเพื่อโค่นล้มสัตว์ประหลาดตัวนี้ และปกป้องอนาคตของประเทศที่กำลังเริ่มเดินอีกครั้ง

GODZILLA MINUS ONE

ความรู้สึกในตอนที่ดู เรามองว่า GODZILLA เป็นเพียงแค่ตัวช่วยในการขับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เนื้อหาจริงๆ คือเรื่องราวของ มนุษย์ที่ต่อสู้กับอุปสรรคที่เข้ามาในชีวิต ซึ่งบางครั้งก็โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างหนัก จนทำให้เราเลือกที่จะยอมแพ้ในการเผชิญหน้าต่อ แต่ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดอย่างใด เราท้อได้ ยอมแพ้ได้ แต่ท้ายที่สุดโชคชะตาจะเหวี่ยงให้เราต้องกลับมาสู้อีกครั้งอยู่ดี

ท้ายที่สุดหนังต้องการส่ง Massage ที่สำคัญที่สุดก็คือ ตราบใดที่เรายังมีชีวิต ก็ยังคงต้องสู้ต่อไปในสงครามของเราเอง จนกว่าจะถึงวันที่จากโลกนี้ไป เป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ชะตาได้ลิขิตเอาไว้ให้เราต้องเผชิญ บางเรื่องเราสามารถต่อสู้เพียงลำพังได้ แต่บางเรื่องที่ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ก็อย่าได้อายที่จะขอ ยังไงก็มีคนที่พร้อมจะช่วยเหลือเราอยู่อย่างแน่นอน

หลายๆ ครั้ง โชคชะตาก็จะส่งบททดสอบที่แสนเจ็บปวดมาให้เราต่อสู้กับมัน เพื่อเป็นการมอบประสบการณ์ รวมถึงหล่อหลอมตัวตนของเราขึ้นมาให้เป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นในทุกวัน แล้วก็เพื่อมอบอนาคตให้กับทั้งของตัวเราเองและอนาคตของใครบางคนที่เรารักด้วยเช่นเดียวกัน

ชีวิตหลายๆ ครั้งที่เผชิญกับความยากลำบาก จนพอถึงคราวที่ เราได้อะไรบางอย่างมาง่ายๆ เราก็ต่างก็จะฉุกคิดว่า สิ่งที่ได้มาง่ายๆ นั้นคู่ควรกับเราจริงๆ เหรอ? เราคู่ควรที่จะได้อะไรง่ายๆ มาจริงๆ ใช่ไหม? แต่ก็อยากจะให้มองว่าเป็นรางวัล สำหรับคนที่ต่อสู้มาโดยไม่ยอมแพ้กับอุปสรรค และยอมรับในทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์ก็ตาม เป็นหนัง GODZILLA ที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ในความเป็นมนุษย์ที่เข้าถึงได้ไม่ยาก และทำออกมาได้ดีกว่าที่คาดคิดเอาไว้ด้วย

ซึ่งในตอนที่ดูหนังได้มอบทั้งความรู้สึกที่สิ้นหวังจนมองไม่เห็นปลายทาง รวมถึงความหวังเพียงเล็กน้อยให้แก่คนดู โดย GODZILLA ถูกนำเสนอออกมาในภาพของการต่อสู้กับสิ่งที่ชะตาลิขิตไว้แต่เรามองไม่เห็น ให้เห็นภาพออกมาผ่านราชันแห่งสัตว์ประหลาดตนนี้ นั่งดูไปก็คือร้องไห้ไป 3 รอบ ไม่คิดว่า ชีวิตนี้จะได้มานั่งร้องไห้ให้กับหนังที่มีสัตว์ประหลาดยักษ์เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินเรื่องราวเลย…


งาน VFX (Visual Effects) ของภาพยนตร์เราถือว่า สมมงแล้วอย่างถึงที่สุด ที่กวาดรางวัลจากเวทีต่างๆ ทั่วโลกมาได้ เพราะงาน VFX คือการสร้างสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงให้คนดูรู้สึกว่ามันมีจริงขึ้นมาอยู่ตรงหน้าเรา ไม่ได้เกี่ยวกับว่า งาน VFX จะต้องเนียนกริ๊บสมจริงทุกมิติ โดย “GODZIILA MINUS ONE” สามารถแตะไปถึงจุดตรงนั้นได้

ราวกับตอนที่เราดู “Jurassic Park” ของผู้กำกับสตีเว่น สปีลเบิร์ก ที่ได้เห็นไดโนเสาร์โลดแล่นผ่านจอภาพยนตร์ รวมไปถึง “AVATAR” ของผู้กำกับเจมส์ คาเมรอน ที่ทำให้เราเชื่อว่า มีดาวแพนโดร่า รวมถึงอารยธรรมสิ่งมีชีวิตอยู่จริง ในส่วนใดส่วนหนึ่งของจักรวาลนี้ ซึ่ง MINUS ONE ของ ผู้กำกับยามาซากิ ก็สามารถทำแบบนั้นได้เช่นเดียวกัน ทำให้เราเชื่อได้ว่า ราชันแห่งสัตว์ประหลาดตนนี้มีตัวตนอยู่จริง ไร้ซึ่งข้อกังขาในการได้รางวัลจากทุกเวทีหลังจากที่เราได้ดูหนังจบ

GODZILLA MINUS ONE

ด้านของนักแสดงคือทุกคนต่างแบกกันหลังหักตามบทที่ตัวเองได้รับมอบหมาย เพื่อที่จะถ่ายทอดการต่อสู้กับโชคชะตาของมนุษย์ ชีวิตคนเราต้องเผชิญหน้ากับความลำบากยากเข็ญ แต่ใช่ว่า เราจะหาทางสู้กับมันไม่ได้ “ชีวิตสู้มา เราก็สู้ชีวิตกลับ” เปี่ยมด้วยอารมณ์ในทุกวินาทีที่หนังได้ดำเนินเรื่องราวไปจริงๆ

ก็ยังคงอยากจะพูดว่า เสียดายที่ไม่ได้ดู “GODZILLA MINUS ONE” ในโรงภาพยนตร์ เป็นหนังที่ดีจนใช้คำว่าเสียดายได้อย่างเต็มปาก แต่ถึงแม้จะได้ดูผ่านสตรีมมิ่งหรือ Import แผ่นมาดูผ่านจอ TV ที่บ้าน เราก็ยังอยากให้ทุกคนได้ชมภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งของโลกใบนี้ ซึ่งเราจัด Ranking ให้ติด Top 3 หนังที่เราชอบมากที่สุดในชีวิตเลย…

GODZILLA MINUS ONE