บทความ
รู้เท่าทันอาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ไม่ได้เบาอย่างที่คิด

ในขณะที่หลายคนโฟกัสกับไวรัสตัวใหม่ ๆ อย่างโควิด หรือไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B กลับค่อย ๆ แทรกตัวเข้ามาเงียบ ๆ แต่แพร่เชื้ออย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของไทยช่วงปลายฝนต้นหนาวที่ผ่านมา ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ผู้ป่วยหลายรายมีอาการรุนแรงกว่าปีก่อน ๆ ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ จนหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ในปีนี้ ?
อาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ปีนี้ เปลี่ยนไปอย่างไร ?
โดยทั่วไป อาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B จะคล้ายกับสายพันธุ์อื่น เช่น มีไข้ หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว ไอแห้ง เจ็บคอ และอ่อนเพลีย แต่ในปีนี้กลับพบอาการอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น
- มีอาการทางเดินหายใจส่วนล่างมากขึ้น เช่น ไอลึก มีเสมหะ หรือแน่นหน้าอก คล้ายอาการของปอดอักเสบ
- ไข้สูงเกิน 39°C ติดต่อกันหลายวัน โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ซึ่งเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน
- ผู้ป่วยบางรายมีอาการคล้ายโควิด จนทำให้เข้าใจผิดและรักษาไม่ตรงจุดในช่วงแรก
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการกลายพันธุ์ของไวรัสเท่านั้น แต่อาจเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันหมู่ที่ลดลงจากการเว้นระยะห่างในช่วงโควิด ทำให้ร่างกายเราไม่ได้สัมผัสกับไข้หวัดมานาน จึงตอบสนองต่อไวรัสมากผิดปกติ
เหตุผลที่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B เป็นโรคที่ไม่ควรมองข้าม
แม้จะมีชื่อว่าสายพันธุ์ B ซึ่งฟังดูเบากว่า H1N1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A แต่ความจริงแล้ว สายพันธุ์ B เคยสร้างการระบาดใหญ่ในโรงเรียนและสถานที่ทำงานหลายแห่งมาแล้ว นอกจากนี้ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้ยังติดต่อได้ง่ายในเด็กเล็กและวัยเรียน เพราะมีแนวโน้มแพร่กระจายได้ดีในกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
ส่วนอัตราการเข้ารักษาในโรงพยาบาลของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ B ในปีนี้ สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในหลายจังหวัด โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว ที่สำคัญคือ วัคซีนบางสูตรที่ผลิตในช่วงก่อนหน้าอาจไม่ครอบคลุมสายพันธุ์ B ที่ระบาดในปีนี้ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าวัคซีนที่ฉีดมีสายพันธุ์ B ครบในสูตร
ป่วยแล้วรักษายังไงให้หายไว ไม่แทรกซ้อน ?
การรักษาอาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ที่ได้ผลที่สุด คือการเริ่มยาต้านไวรัสทันทีภายใน 48 ชั่วโมงแรกหลังมีอาการ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือหลายคนยังเข้าใจผิด คิดว่าเป็นหวัดธรรมดา ทำให้รอจนไข้สูงหลายวันถึงจะไปหาหมอ โดยผู้ป่วยควรปฏิบัติตามแนวทางนี้อย่างเคร่งครัด
- หากมีไข้สูงเกิน 38.5°C ร่วมกับไอ เจ็บคอ หรือปวดเมื่อยอย่างรุนแรง ให้รีบพบแพทย์ ไม่แนะนำให้ซื้อยาลดไข้มากินเองเกิน 2 วัน
- เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ ควรได้รับการดูแลใกล้ชิด เพราะกลุ่มนี้ เสี่ยงภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือหูชั้นกลางอักเสบ
- หลีกเลี่ยงการไปทำงานหรือโรงเรียน แม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพราะยังแพร่เชื้อได้อีก 5-7 วัน
อาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ปีนี้อาจไม่ใช่แค่ไข้หวัดธรรมดาที่นอนพัก 2-3 วันแล้วหายอีกต่อไป แต่การรู้จักอาการที่ควรระวัง รีบพบแพทย์ และวางแผนป้องกันด้วยวัคซีนให้ทันเวลา จะช่วยลดความเสี่ยงทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ