Connect with us

ข่าว

เสียงสะท้อนแห่งหุบเขา “หานเกอ” (喊歌) บทเพลงก้งหนุ่ยเหยาโบราณในกว่างซี ที่หวังสู่เวทีโลก

Published

on

นักข่าวบริคอินโฟเกาะติดการฟื้นฟูบทเพลงพื้นบ้านของชนชาติก้งหนุ่ยเหยาในต้าฮว่า กว่างซี ที่มีผู้สืบทอดรุ่นใหม่ชาวจ้วงเข้าร่วม โดยมีเป้าหมายนำมรดกทางวัฒนธรรมนี้ออกสู่เวทีโลก

สำนักข่าวบริคอินโฟ – บทเพลงที่ขับขานด้วยการตะโกน “หานเกอ” (喊歌) หรือ “Shouting Song” อันเก่าแก่ของชาว ก้งหนุ่ยเหยา (Gongnui Yao) ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของชนชาติ เหยา (Yao) ในเขตปกครองตนเองต้าฮว่า (Dahua Yao Autonomous County) เมืองเหอฉือ (Hechi) เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง (Guangxi) ประเทศจีน กำลังได้รับการสืบทอดและฟื้นฟูอย่างเข้มข้น โดยทายาทรุ่นใหม่ที่หวังจะนำบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ที่เคยใช้ในพิธีกรรมโบราณนี้ ออกไปสู่สายตาของคนทั่วโลก เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะสื่อมวลชนจาก 15 ประเทศและภูมิภาค รวมถึงประเทศไทยและกัมพูชา ได้เดินทางไปยังต้าฮว่า เพื่อรับฟังบทเพลงนี้ในการทัวร์ “กลองและทะเลเพลง ความงามของเหอฉือ – สื่อต่างชาติเยี่ยมชมเหอฉือปี 2025” ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักข่าว China News Service สาขากว่างซี และคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์เหอฉือ

โดยเพลงแบบนี้ โดดเด่นด้วยพลังเสียงอันทรงพลังและปราศจากการปรุงแต่ง ผสมผสานกับทำนองที่ซ้อนทับกันอย่างมีเอกลักษณ์ สะท้อนวัฒนธรรมของชาวเหยาที่สืบทอดมานับพันปี

ชาวก้งหนุ่ยเหยาส่วนใหญ่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในตำบลเจียงหนาน (Jiangnan Township) ของอำเภอต้าฮว่า โดยนาย หลู กุ้ยเฟิง (Lu Guifeng) รองนายกเทศมนตรีตำบลเจียงหนาน และเป็นผู้สืบทอดบทเพลงก้งหนุ่ยเหยา พร้อมด้วยนางหลาน ลิ่วเจียว (Lan Liujiao) ภรรยาของเขา และคณะอีก 5 คน ได้ร่วมกันแสดงสมบัติทางวัฒนธรรมนี้ให้แก่สื่อต่างชาติได้รับชม

บทเพลงแบบนี้ มีต้นกำเนิดมาจากพิธีกรรมบูชาในเทศกาลไหว่โป๋ (Waibo Festival) และยังเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวันของบรรพบุรุษชาวเหยา เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา การตะโกนจึงเป็นวิธีการสื่อสารที่จำเป็น เช่น การเรียกกันขณะทำงานบนเขา การนำทางเด็ก หรือการแสดงอารมณ์ ซึ่งการใช้เทคนิคการเปล่งเสียงที่เป็นเอกลักษณ์นี้ ทำให้บทเพลงมีคุณภาพเสียงที่กังวานและไปได้ไกล กลายเป็นบทสนทนาระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

การสืบทอดบทเพลงอันเก่าแก่นี้ได้รับพลังใหม่จากสาวฝาแฝดชาว จ้วง (Zhuang) รุ่นหลังปี 2000 คือ เหมิง เถิงเฟย (Meng Tengfei) และ ฉิน ซวงเฟย (Qin Shuangfei) พวกเธอตกหลุมรักเพลงพื้นถิ่นนี้ ทันทีที่ได้ยินระหว่างการทัศนศึกษาเมื่อปีที่แล้ว แม้ว่าการเรียนรู้จะเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากสำเนียงภาษาเหยาที่ซับซ้อนและระดับเสียงที่สูงมาก ซึ่งจำเป็นต้องใช้การเปล่งเสียงที่หนักแน่น จนถึงขั้นเสียงแหบ แต่พวกเธอก็สามารถรวมองค์ประกอบของภาษาจ้วงเข้ากับเพลงเหยาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมิงกล่าวว่า “ครอบครัวชาวจ้วงและเหยาจำนวนมากแต่งงานกัน และวัฒนธรรมของเรากำลังรวมกัน ในฐานะชาวจ้วง เราก็สามารถสืบทอดประเพณีของชาวเหยาได้เช่นกัน”

Advertisement

โดยเหมิงและฉินได้เรียนรู้เพลงพื้นถิ่นแบบตะโกนนี้อย่างลึกซึ้ง และได้มีโอกาสร่วมแสดงบนเวทีที่ ศูนย์การแสดงแห่งชาติในกรุงปักกิ่ง (National Centre for the Performing Arts in Beijing) ปัจจุบันฝาแฝดทั้งสองทำงานเป็นผู้สอนในสถาบันฝึกอบรมในต้าฮว่า และหวังที่จะ “นำเพลง Shouting Song เข้าไปในห้องเรียนและสอนให้คนอื่น ๆ ได้เรียนรู้มากขึ้น”

แรงผลักดันในการฟื้นฟูเพลงก้งหนุ่ยเหยาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง มาจากนาย เจิ้ง เทียนสง (Zheng Tianxiong) รองประธานสมาคมวรรณกรรมและศิลปะพื้นบ้านกว่างซี และประธานสมาคมเพลงภูเขาแห่งกว่างซี หลังจากที่เขาได้ฟังเพลงนี้ก็ได้ช่วยก่อตั้งทีมมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage team) ซึ่งปัจจุบันทีมนี้ประกอบด้วยผู้สืบทอดชาวเหยา นักร้องชาวจ้วง และคณะนักแสดงมืออาชีพ โดยพวกเขาทำงานเพื่อรักษาแก่นสารของประเพณีในขณะเดียวกันก็ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์สมัยใหม่เข้าไป

นายหลู กุ้ยเฟิง เปิดเผยว่าในหมู่บ้านก้งฉาถูน (Gongcha Tun) ตำบลหลงชิว (Longqiu Village) ตำบลเจียงหนาน ที่เขาอาศัยอยู่ มีชาวบ้านประมาณ หนึ่งในสาม ของผู้อยู่อาศัย 450 คน ที่สามารถร้องเพลงพื้นถิ่นแบบตะโกนนี้ได้

ปัจจุบันแม้ว่าการใช้เพลงตะโกนเพื่อสื่อสารระหว่างหมู่บ้านจะลดลงเนื่องจากการตัดถนนที่สะดวกสบายมากขึ้น แต่บทเพลงนี้ก็กำลังเฟื่องฟูอีกครั้งผ่านรูปแบบการแสดงและการถ่ายทอดแบบใหม่ รวมถึงการนำบทเพลงก้งหนุ่ยเหยาเข้าสู่โปรแกรมในโรงเรียนท้องถิ่นเพื่อเสริมสร้างการศึกษาด้านมรดกทางวัฒนธรรม

นายหลูแสดงความหวังว่า บทเพลงเหยาอายุพันปีนี้ ซึ่งถูกสืบทอดโดยผู้สืบทอดรุ่นใหม่ จะผงาดขึ้นจากหุบเขาของต้าฮว่าและเดินทางไปสู่โลกที่กว้างขึ้นได้ในที่สุด

Advertisement
Continue Reading
Advertisement