Connect with us

ข่าว

Thailand Blockchain Week 2025 จุดประกาย Supercycle Future of Wealth เน้นข้อเท็จจริง ดันไทยเป็น Digital Asset Hub อาเซียน

Published

on

Thailand Blockchain Week 2025 (TBW2025) ภายใต้แนวคิด Supercycle: Future of Wealth ผู้เชี่ยวชาญชี้ Bitcoin เป็น Strategic Reserve Asset ดร. จีราวรรณ กระทรวง DE ผลักดันไทยสู่ Digital Asset Hub ก.ล.ต. กำกับดูแลสินทรัพย์กว่า 116,000 ล้านบาท

สำนักข่าวบริคอินโฟ – งาน Thailand Blockchain Week 2025 จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ภายใต้แนวคิด “Supercycle: Future of Wealth” ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานกว่า 4,000 คน ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้นำด้าน Blockchain และการเงินในระดับภูมิภาค โดยมีเป้าหมายในการผลักดันประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็น Digital Asset Hub ของภูมิภาคอาเซียน ภายในงานมีการสรุปแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงความมั่งคั่งครั้งใหญ่จากระบบการเงินแบบดั้งเดิมสู่โลก สินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมทั้งการหารือเกี่ยวกับนโยบายกำกับดูแลและกลยุทธ์การลงทุนที่สำคัญในรอบวัฏจักรเศรษฐกิจใหม่นี้โดยเน้นที่ข้อเท็จจริง

ดร. จีราวรรณ บุญเพิ่ม ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) กล่าวว่า แนวคิด “Supercycle: Future of Wealth” สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านความมั่งคั่งครั้งสำคัญของโลกการเงิน จากสินทรัพย์แบบดั้งเดิมไปสู่ สินทรัพย์ดิจิทัล ที่ขับเคลื่อนด้วย เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) โดยการเปลี่ยนผ่านนี้ได้พลิกโครงสร้างระบบเศรษฐกิจโลกจากระบบศูนย์กลางไปสู่ระบบเปิดที่เข้าถึงได้และโปร่งใสมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการที่ Bitcoin ได้รับการยอมรับในฐานะ Strategic Reserve Asset หรือสินทรัพย์สำรองเชิงยุทธศาสตร์ในยุคดิจิทัล ซึ่งเป็นสัญญาณของคลื่นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยคาดการณ์ว่าจะเกิด “The Great Wealth Transfer” หรือการถ่ายโอนความมั่งคั่งครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จากเศรษฐกิจแบบออฟไลน์สู่โลกของ Digital Asset ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เธอยังย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็น Digital Asset Hub ของภูมิภาคอาเซียน ด้วยปัจจัยด้านบุคลากรที่มีความสามารถ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่ง และภาคการเงินที่เปิดรับนวัตกรรม

ดร. จีราวรรณ ระบุถึงนโยบายที่มุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนและการพัฒนาเทคโนโลยี โดยกล่าวว่า “กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มุ่งมั่นผลักดันนโยบายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน การพัฒนาเทคโนโลยี และการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมส่งเสริมให้ เทคโนโลยีบล็อกเชน และ สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลไทยในระยะยาว เพราะคลื่น Supercycle ไม่ได้เป็นเพียงคลื่นทางการเงิน แต่คือคลื่นแห่งนวัตกรรมและพลังของคนรุ่นใหม่ ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน”

ด้าน นายสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (CryptoMind Group Holdings) ให้ข้อมูลว่าตลาด สินทรัพย์ดิจิทัล ทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังมูลค่าตลาดรวม (Market Cap) ของ คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าจากจุดต่ำสุดในปี 2022 สะท้อนความเชื่อมั่นที่กลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญของการเข้าสู่รอบใหม่ของ Supercycle ที่คาดว่าจะชัดเจนในปี 2026

Advertisement

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก Escalent ยังระบุว่า กลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ Gen Y – Gen Z มีสัดส่วนการลงทุนใน คริปโทฯ สูงถึง 14% ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มอายุ 44 ปีขึ้นไปที่ลงทุนเพียง 1% เท่านั้น สำหรับประเทศไทยมีบัญชี คริปโทฯ ที่เปิดกับศูนย์ซื้อขายฯ แล้วกว่า 2.92 ล้านบัญชี และประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 17 ของโลกจากดัชนี Global Crypto Adoption Index ซึ่งวัดจากการใช้งานศูนย์ซื้อขายและระบบ DeFi

นายสัญชัย ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของไทย โดยกล่าวว่า “ประเทศไทยมีศักยภาพในการก้าวสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค ด้วยบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ และระบบนิเวศ (Ecosystem) ของผู้พัฒนา สตาร์ทอัพ และนักลงทุนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะกลายเป็น Digital Asset Hub ของภูมิภาคอาเซียน และเป็นต้นแบบของเศรษฐกิจที่เปิดรับเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน”

ขณะที่ คุณบุตรี หวังศิริรุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงินดิจิทัล สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่มีกฎหมายกำกับ สินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่ปี 2561 โดยปัจจุบัน ก.ล.ต. กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจ 24 ราย และมีมูลค่าสินทรัพย์ลูกค้ารวมกว่า 116,000 ล้านบาท ซึ่ง ก.ล.ต. เตรียมย้ายการกำกับ Investment Token ไปอยู่ภายใต้ พ.ร.บ. หลักทรัพย์ และเน้นย้ำให้นักลงทุนตรวจสอบผู้ได้รับใบอนุญาตก่อนลงทุนตามแนวคิด “SEC Check First

ในส่วนของกลยุทธ์การลงทุน ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน อาทิ นายโฉลก สัมพันธารักษ์ และ นายพีรพัฒน์ หาญคงแก้ว เห็นตรงกันว่าความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ควรวัดด้วยเงินสกุลที่เสื่อมค่า แต่ควรวัดด้วยสินทรัพย์ที่ไม่เสื่อมค่า เช่น Bitcoin หรือ ทองคำ โดยมองว่า Bitcoin ทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในระยะยาว (Inflation Hedge) และแนะนำให้มีการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนอย่างมีวินัย พร้อมคาดการณ์ว่าปีหน้าอาจเกิดการไหลของเงินจาก Bitcoin ไปสู่ Altcoin รอบใหม่

นอกจากนี้ ในการอภิปรายหัวข้อการรับมือของประเทศไทยต่อการโอบรับ Bitcoin ของสหรัฐฯ โดยมี ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการและรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank) ร่วมด้วย ได้มีการเสนอให้รัฐบาลพิจารณาการถือครอง Bitcoin เป็น Strategic Reserve และสร้างกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจนสำหรับ Stablecoin และ DeFi เนื่องจากเชื่อว่าในอนาคต Digital Asset และ Traditional Asset จะรวมเป็น Investment Asset เดียวกัน

Advertisement
Continue Reading
Advertisement