Connect with us

ข่าว

ทรัมป์ 2.0 ไทยเสี่ยงสูง อาจถูกกดดันเปิดตลาดนำเข้าสินค้าเกษตร แลกผ่อนปรนมาตรการกีดกันทางการค้า

Published

on

กรุงวอชิงตัน,สหรัฐอเมริกา 20 ม.ค. 2568 / สำนักข่าวบริคอินโฟ : นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 จากพรรคริพับลิกัน ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 เข้าสู่พิธีสาบานตนอีกครั้ง หลังจากได้รับเลือกตั้งเป็น ประธานาธิบดีฯ สมัยแรกในปี พ.ศ. 2560 และพ่ายแพ้ให้กับ นายโจ ไบเดน ในปี พ.ศ. 2564

กรุงเทพฯ, 23 ม.ค. สำนักข่าวบริคอินโฟ – ttb analytics ชี้ไทยมีความเสี่ยงสูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน ที่จะถูกสหรัฐฯ เพ่งเล็งจากมาตรการกีดกันทางการค้าภายใต้นโยบาย Trump 2.0 เนื่องจากสหรัฐฯ เสียเปรียบดุลการค้ากับไทยในหลายด้าน ทั้งการเกินดุลการค้าของไทยที่อยู่ในระดับสูง ข้อได้เปรียบด้านต้นทุนจากค่าเงินบาทอ่อน รวมถึงการที่ไทยยังคงมีมาตรการจำกัดการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ

นับตั้งแต่สงครามการค้าระลอกแรก (Trump 1.0) ในปี 2561 อาเซียนกลายเป็นภูมิภาคที่น่าจับตามอง หลายประเทศเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1-2 เท่าตัว โดยเฉพาะเวียดนามที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า สำหรับปี 2568 คาดว่าสงครามการค้าครั้งใหม่ภายใต้นโยบาย Trump 2.0 จะสร้างความปั่นป่วนแก่ตลาดการเงินและการค้าโลกอีกครั้ง โดยทรัมป์ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 60-100% และมีแผนจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมอีก 10-20%

ttb analytics มองว่า ทรัมป์ยังไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสหรัฐฯ อยู่ระหว่างแต่งตั้งคณะผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) แต่ก็สะท้อนว่ามาตรการทางการค้า Trump 2.0 จะแตกต่างจาก Trump 1.0 โดยสิ้นเชิง โดย Trump 2.0 มุ่งเน้นไปที่การเจรจาต่อรองทางการค้าแบบเจาะจงเป็นรายประเทศและรายกลุ่มสินค้า (Bilateral Agreement) ซึ่งระดับความเข้มข้นของกรอบการเจรจาการค้าจะขึ้นอยู่กับความได้เปรียบทางการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า

ttb analytics ประเมินว่า ไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกกดดันให้เปิดตลาดนำเข้าสินค้าเกษตรที่สำคัญเพิ่มเติม เช่น เนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์ ถั่วเหลือง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อแลกกับการผ่อนคลายเงื่อนไขกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ เนื่องจากที่ผ่านมา ไทยมีมาตรการปกป้องภาคการเกษตร โดยกระทรวงพาณิชย์กำหนดมาตรการควบคุมการนำเข้าสินค้า ซึ่งมีผลบังคับใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน 23 รายการ เช่น นม ครีม ผักและผลไม้ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าว ถั่วเหลือง เป็นต้น

ทั้งนี้ การถูกเพ่งเล็งจากสหรัฐฯ เรื่องการจัดเก็บอัตราภาษีนำเข้าสูง และจำกัดโควตาสินค้าเกษตรไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับไทย โดยในปี 2563 ทรัมป์ได้ลงนามยกเลิกสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) กับสินค้าไทย 231 รายการ โดยให้เหตุผลว่าไทยเปิดตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับหมูอย่างไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ USITC ยังชี้ว่าไทยมีการบริหารจัดการอัตราภาษีในและนอกโควตาที่ไม่โปร่งใส รวมถึงมาตรฐานอาหารที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

Advertisement

ttb analytics มองว่า สุดท้ายแล้วไทยอาจจำเป็นต้องผ่อนปรนมาตรการทางการค้ากับสหรัฐฯ ในบางข้อ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากมาตรการขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าในระลอกใหม่นี้ พร้อมแนะนำให้ผู้ประกอบการไทยกระจายความเสี่ยง โดยขยายตลาดไปยังภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป

Continue Reading
Advertisement