Connect with us

Pop Culture & Sub Culture

Stalker พฤติกรรมคุกคาม ที่มากกว่าแค่สะกดรอย

Published

on

เรื่องนี้เพิ่งเกิดกันแบบสด ๆ ร้อน ๆ ที่งาน Comic Market 104 ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ “Keekihime” นักคอสเพลย์และสตรีมเมอร์สาวชื่อดังที่เคยมาเยือนประเทศไทยแล้วในงาน AniEx ถูก “Stalker” เข้ามาคุกคามด้วยการเข้ามาสวมกอดนานถึง 10 วินาที ก่อนจะทำการหลบหนีไป หลังมีผู้ร่วมงานใกล้เคียงเข้ามาช่วย

นับว่าโชคดีที่ตัวของ Keekihime ไม่ได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่มันก็ทำให้เจ้าตัวเกิดอาการ Panic อยู่ไม่น้อย ซึ่งเหตุการณ์ทำนองนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก สำหรับการคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ จากบุคคลที่ถูกเรียกว่า “สตอล์กเกอร์” หนึ่งในปัญหาสังคม ที่แม้ไม่ใช่คนดังก็สามารถพบเจอได้ ครั้งนี้ The Trivial Space จะพามาขยายความเรื่องนี้กัน


Stalker คืออะไร?

ที่มาภาพ : Discover Magazine

“สตอล์กเกอร์” (Stalker) ในภาษาอังกฤษหมายถึง “ผู้ที่ย่องตาม” ใช้เรียกคนที่มีพฤติกรรมชอบสะกดรอยตาม หรือมีพฤติกรรมตามติดเป้าหมายในทุกย่างก้าวในระดับข้ามเส้นความเป็นส่วนตัว คนที่ถูกระบุว่ามีพฤติกรรมแบบ “สตอล์คเกอร์” จะทำทุกอย่างเพื่อเข้าใกล้ หรือมีส่วนร่วมในชีวิตของคน ๆ นั้นให้มากที่สุดทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่นอาจพยายามเข้ามาคุยด้วยบ่อย ๆ, ส่งของขวัญให้, ตีสนิทกับคนรอบตัวเหยื่อ บางทีก็อาจมีการใส่ความว่าร้าย หรือใช้จุดอ่อนของเหยื่อเพื่อข่มขู่แบล็คเมล์

“ศาสตราจารย์พอล มัลเลน” จากสาขาวิชาจิตวิทยา ประจำมหาวิทยาลัย Monash ณ กรุงเมลเบิร์น / ที่มาภาพ : The Canberra Times

ศาสตราจารย์พอล มัลเลน (Paul Mullen) จากสาขาวิชาจิตวิทยา ประจำมหาวิทยาลัย Monash ณ กรุงเมลเบิร์น ได้แบ่งประเภทของสตอล์กเกอร์ตามแรงจูงใจไว้ทั้งหมด 5 กลุ่ม ได้แก่

  1. พวกที่ถูกปฏิเสธ – คอยตามติดเพื่อชดเชยความสัมพันธ์ที่หายไปจากการถูกปฏิเสธ และรู้สึกพอใจที่ได้ใกล้ชิดเป้าหมาย หรือเพื่อแก้แค้นการถูกปฏิเสธด้วยการรุกล้ำความเป็นส่วนตัว
  2. พวกที่โกรธแค้น – ใช้การสะกดรอยเพื่อเอาคืนในสิ่งที่เหยื่อทำกับตน ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีแรงจูงใจจากการถูกปฏิเสธเหมือนข้อแรก และมักใช้ความบาดหมางส่วนตัวเป็นข้ออ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมในการก่อเหตุคุกคาม
  3. พวกที่อยากใกล้ชิด – พวกนี้ใช้ความโดดเดี่ยวเป็นที่ตั้ง ต้องการสร้างความสัมพันธ์กับเหยื่อ เพราะเชื่อว่าจะทำให้สนิทสนมได้ พฤติกรรมนี้เป็นแนวที่เจอได้บ่อย คนทำส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น บางกลุ่มอาจมีอาการคิดไปเองว่าเขามีใจให้
  4. พวกขาดทักษะ – เป็นกลุ่มที่ไร้ทักษะในการเข้าสังคม ขี้อาย หรืออาจมีปัญหาจำพวกออทิสติก หรือแอสเพอร์เกอร์ ที่มีความหมกมุ่นและสนใจสิ่งซ้ำ ๆ กลุ่มนี้จะไม่มีพฤติกรรมรุนแรง แต่สร้างความรำคาญไม่น้อย เพราะสนใจแต่ว่าจะเข้าใกล้อีกฝ่ายเท่านั้น
  5. พวกผู้ล่า – เป็นจำพวกที่อันตรายที่สุด มักเป็นพวกพฤติกรรมซาดิสต์ หรืออาจมีความผิดปกติทางจิตรุนแรง สะกดรอยตามเพื่อสนองความต้องการทางเพศ และต้องการมีอำนาจเหนือกว่าอีกฝ่าย ชอบใช้ความรุนแรง และมักวางแผนในการลงมือเสมอ

สิ่งที่เจอ อาจร้ายแรงกว่าแค่การเดินตาม

ความน่ากลัวของการถูกคุกคามโดย Stalker นั้น คือไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เพศอะไร ก็มีสิทธิ์ถูกคุกคามด้วยการสะกดรอยได้หมด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

และมันก็ไม่ได้หยุดแค่การถูกตามติดชีวิตเท่านั้น เพราะเมื่อถึงจุดใดจุดหนึ่ง การคุกคามก็จะถูกยกระดับไปสู่การก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงถึงชีวิตได้อีกด้วย

Advertisement

จากผลสำรวจจาก Stalking Resource Center ของสหรัฐฯ ในปี 2015 พบว่า ใน 1 ปี มีคนจำนวน 7.5 ล้านคน ถูกตามสะกดรอย และสตอล์กเกอร์เหล่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นคนรู้จัก และอาจเป็นคนใกล้ชิดของพวกเขาด้วย

ที่มาภาพ : jcomp

ไม่ใช่แค่ในชีวิตประจำวันเท่านั้น โลกออนไลน์เองก็สามารถเกิดขึ้นได้ มันถูกเรียกว่า “Cyberstalking” โดยสตอล์กเกอร์จะคอยสอดส่องข้อมูลต่าง ๆ บนโลกโซเชียล ทั้งข้อมูลส่วนตัว, โพสต์ที่แชร์ ไปจนถึงการ Check in ซึ่งสามารถตามไปถึงตัวเหยื่อในโลกแห่งความจริงได้ บางครั้งก็อาจมีการแฮคเข้าไปในบัญชี เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่, แบล็คเมล์ หรือนำออกไปเผยแพร่เพื่อใช้ทำลายชื่อเสียง

สิ่งที่ตัวของผู้ถูกตามติดจะได้เจอนั้น ก็คือรู้สึกไม่ปลอดภัย, การถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัว และความหวาดระแวง ส่งผลให้ถูกตัดขาดสังคมทางอ้อมเพราะความหวาดระแวงว่าจะถูกประชิดตัวหรือถูกทำร้าย และสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้

แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่เหยื่อได้รับความเดือดร้อนก็ตาม แต่เอาเข้าจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนใหญ่รวมถึงในไทย กลับมองเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เพราะตัว Stalker ยังไม่สร้างความเสียหายอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน บางทีอาจโดนบอกกลับมาว่าแค่ระแวงหรือคิดไปเองเท่านั้น

แต่อันที่จริงแล้ว… การสะกดรอยสามารถนำไปสู่การฆาตกรรมได้จริง เพราะตามสถิติแล้วเหยื่อที่เป็นผู้หญิง 3 จาก 4 คน จะถูกฆาตกรรมโดยสตอล์กเกอร์และมีเหยื่อถึง 89% ถูกคนร้ายตามมาก่อนแล้วราว ๆ 1 ปี ก่อนที่จะถูกฆาตกรรม

Advertisement

ยกตัวอย่างคดีในปี 2017 ที่มีสตอล์กเกอร์วัย 44 ปี คอยวนเวียนอยู่แถวที่พักของไอดอลวง HKT48 และตามติดในทุกที่ที่เธอไป หรือจะเป็นกรณีของดาราสาว “มายุ โทมิตะ” ในปี 2016 ที่ถูกแฟนคลับใช้มีดกระหน่ำแทงกว่า 60 ครั้ง เพราะไม่พอใจที่ถูกปฏิเสธของขวัญ

ที่มาภาพ : The Tragic Death of a 21-year-old by Her Stalker

แต่คดีที่ทำให้สังคมหันมาสนใจปัญหานี้อย่างจริงจัง ก็คือคดีในปี 1999 ที่ “ชิโอริ อิโน” นักศึกษาสาวชาวญี่ปุ่นวัย 21 ปี เธอถูกสตอล์กเกอร์วัย 26 ตามจีบอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะจ้างวานคนรู้จักฆ่าเธอขณะเดินไปทางไปมหาวิทยาลัย

การตายของเธอ ได้ส่งแรงกระเพื่อมไปถึงตำรวจญี่ปุ่น ฐานละเลยต่อหน้าที่ จากเหตุการณ์นี้เลยกลายเป็นที่มาของกฎหมายต่อต้าน Stalker ในปี 2000

ไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น ในวงการศิลปินเกาหลีใต้เองเจอปัญหาการคุกคามด้วยการติดตามเหมือนกัน ซึ่งแฟนคลับกลุ่มนี้จะค่อนข้างรุกหนักเป็นพิเศษ มักจะรู้จักกันในชื่อของ “ซาแซง”

Advertisement

แม้กระทั่งในไทยเราก็มี เช่นในวงการคอสเพลย์ที่ผมคลุกคลีบ่อยที่สุด บางครั้งก็จะมีกรณีที่นักคอสเพลย์ถูกสตอล์คเกอร์ตามติดในงานต่าง ๆ

ซึ่งอันที่ค่อนข้างดังในบ้านเรา คือกรณีที่ “มินตัน ดิ๊งด่อง” เน็ตไอดอลสาวชื่อดัง ถูก รปภ. (ปัจจุบันเป็นอดีต รปภ.) คอยตามติดเวลาออก Event ต่าง ๆ และบนโลกออนไลน์นานถึง 2 ปี พร้อมทั้งยังพยายามข่มขู่ต่าง ๆ เพื่อให้ยอมเป็นแฟนด้วย ที่ถึงแม้จะถูกจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว แต่ก็ยังกลับมาก่อพฤติกรรมเดิมอยู่ดี จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรการการคุมประพฤติของผู้พ้นโทษ และความหละหลวมของกฎหมายไทย

สำหรับประเทศไทยนั้น ไม่ได้มีกฎหมายป้องกันการสตอล์คเกอร์อย่างเป็นรูปธรรม และเอาผิดได้เพียงฐาน “ก่อความเดือดร้อนรำคาญ” แต่ปัจจุบัน กำลังมีการเสนอแก้กฎหมายให้ป้องกันการสตอล์คเกอร์ ซึ่งมีชื่อของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อยู่ในรายชื่อผู้เสนอด้วย โดยจะเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม คำว่า “กระทำชำเรา” (การข่มขืน) เพื่อให้ครอบคลุมถึงการกระทำความผิดจากพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่มีโอกาสจะเป็นการ “คุกคามทางเพศ” เนื่องจากในปัจจุบัน การสตอล์คเกอร์ เป็นส่วนหนึ่งของ ปัญหาการคุกคามทางเพศ ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

Advertisement
ภาพเหตุการณ์ขณะที่สตอล์คเกอร์กำลังก่อเหตุ / ที่มาภาพ : @xymng4891893251

จนมาถึงกรณีล่าสุดในงาน Comic Market 104 ของ Keekihime ทำทีเป็นขอถ่ายรูป ก่อนจะวิ่งเข้ามาสวมกอดนานถึง 10 วินาที ก่อนที่เธอจะตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง และได้ผู้ร่วมงานในบริเวณใกล้เคียงเข้ามาช่วยเหลือ ส่วนตัวคนร้ายก็ได้หลบหนีไป ขณะที่ผมกำลังเขียนตอนนี้ ผู้ก่อเหตุยังคงลอยนวลอยู่ โดยจากรายงานที่ได้มา คนร้ายเคยก่อเหตุทำนองนี้มาหลายครั้งแล้ว


ถึงแม้ปัจจุบันจะมีกรณีการคุกคามจาก “Stalker” อยู่ทั่วโลก มีบทเรียนและความสูญเสียให้เห็นอยู่มากมาย แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ทำให้คนตระหนักถึงความน่ากลัวจากภัยสังคมกลุ่มนี้เท่าที่ควร และยังถูกมองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ โดยเฉพาะจากเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย ทั้งที่ Stalker นั้น ก็ถือเป็นการคุกคามร้ายแรงอีกรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถนำไปสู่การสูญเสียได้ก็ตาม


ติดตามบทความและ Content ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Pop Culture ได้ที่ https://www.facebook.com/GrizzlyTrivialSpace

Advertisement