ข่าว
ฮอนด้าปรับกลยุทธ์รับตลาดอีวีชะลอตัว หันเน้นไฮบริด พร้อมลงทุน 7 ล้านล้านเยน ถึงปี 2031

สำนักข่าวบริคอินโฟ – บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด (Honda Motor Co., Ltd.) โดย นายโทชิฮิโระ มิเบะ (Toshihiro Mibe) ผู้อำนวยการ ประธานกรรมการบริหาร และตัวแทนเจ้าหน้าที่บริหาร ได้แถลงแนวทางการดำเนินธุรกิจของฮอนด้าเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีประเด็นสำคัญที่น่าจับตาคือการปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ชะลอตัวลงทั่วโลก โดยจะหันมาเน้นการพัฒนาและทำตลาดรถยนต์ไฮบริด (HEV) มากขึ้น ควบคู่ไปกับการเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจรถจักรยานยนต์และการปรับโครงสร้างการลงทุน
ปรับกลยุทธ์ยานยนต์: ไฮบริดคือหัวใจ EV ยังคงสำคัญ
ฮอนด้าตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดนิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์และความไม่แน่นอนทางธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการชะลอตัวของตลาด EV ที่เกิดจากหลายปัจจัย ส่งผลให้ฮอนด้าต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน บริษัทฯ จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของรถยนต์ EV และ HEV ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ และเสริมรากฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งด้วยการปรับพอร์ตโฟลิโอระบบขับเคลื่อนใหม่
เป้าหมายสัดส่วนยอดขาย EV ทั่วโลกของฮอนด้าในปี 2030 อาจต่ำกว่าเป้าหมาย 30% ที่เคยคาดการณ์ไว้ ฮอนด้าจึงจะเน้นขุมพลังไฮบริดเป็นหลักในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะ รถยนต์ไฮบริด (HEV) เจเนอเรชันใหม่ ที่จะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป และเร่งขยายไลน์อัพไฮบริดอย่างต่อเนื่อง จากการปรับแนวทางนี้ ฮอนด้าตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายในปี 2030 ให้มากกว่า 3.6 ล้านคัน โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ยอดขายรถยนต์ไฮบริด (HEV) ที่ 2.2 ล้านคัน
ฮอนด้าอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) เจเนอเรชันใหม่ ที่สามารถช่วยในการขับขี่ได้ตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะขับบนทางด่วนหรือถนนในเมือง โดยมีแผนติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถไฮบริด (HEV) รุ่นหลักๆ ที่เตรียมเปิดตัวในอเมริกาเหนือและญี่ปุ่นในปี 2027 สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศจีน ฮอนด้าจะร่วมมือกับ Momenta Global Limited เพื่อพัฒนา ADAS รุ่นถัดไปที่เหมาะสมกับสภาพถนนในประเทศจีน และติดตั้งในรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นที่จะเปิดตัวในประเทศจีนในอนาคต
เสริมความแข็งแกร่งระบบไฮบริดและแผนสำหรับ EV
ฮอนด้าจะมุ่งพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบไฮบริด e:HEV ทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยต่อยอดบนระบบไฮบริด 2 มอเตอร์เดิม ผนวกเข้ากับการพัฒนาแพลตฟอร์มเจเนอเรชันใหม่และระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนสี่ล้อ (Electric AWD) ที่พัฒนาใหม่ เป้าหมายคือการพัฒนาระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เจเนอเรชันใหม่ ให้มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีขึ้น 10% และลดต้นทุนของระบบฯ ลง 50% เมื่อเทียบกับระบบไฮบริดที่ติดตั้งในรถยนต์ปี 2018 และลดลงกว่า 30% เมื่อเทียบกับรุ่นปี 2023 ฮอนด้ามีแผนเปิดตัวรถไฮบริด (HEV) เจเนอเรชันใหม่รวมทั้งหมด 13 รุ่นทั่วโลก ภายใน 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2027
แม้ตลาด EV ชะลอตัว แต่ฮอนด้ายังคงเชื่อมั่นว่ายานยนต์ไฟฟ้า (EV) คือหนทางสำคัญในการมุ่งสู่การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ฮอนด้าจะยังคงเดินหน้าเตรียมรากฐานความพร้อมที่มั่นคง เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต สำหรับไลน์อัพ Honda 0 Series (ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์) ซึ่งเป็นเสาหลักของธุรกิจ EV ของฮอนด้าในอนาคต จะมีการเผยโฉมรถยนต์รุ่นแรกในปีหน้า ฮอนด้าจะส่งมอบคุณค่า SDV (Software-Defined Vehicle) ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละคนผ่านฟังก์ชัน “ultra-personal optimization” ผ่านการทำงานร่วมกันของระบบปฏิบัติการยานยนต์ ASIMO OS และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (AD/ADAS) ที่ได้นำเสนอไปในงาน CES 2025
โลโก้ H Mark ดีไซน์ใหม่และการผลิตที่ยืดหยุ่น
ฮอนด้าจะใช้ โลโก้ H Mark ดีไซน์ใหม่ ในรถไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ของฮอนด้า ที่จะเริ่มเปิดตัวสู่ตลาดในปี 2027 ซึ่งเป็นแบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าในไลน์อัพ Honda 0 Series ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้า สะท้อนสัญญะแห่งการเปลี่ยนผ่านในธุรกิจยานยนต์ของฮอนด้า
ในด้านระบบการผลิต ฮอนด้าจะดำเนินงานตามกลยุทธ์ห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยจัดทำระบบการผลิตที่สามารถผลิตได้ทั้ง EV และ HEV เพื่อรองรับกับการเติบโตของการจำหน่ายรถไฮบริดอย่างต่อเนื่อง และเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าในระยะกลางถึงระยะยาว นอกจากนี้ ฮอนด้ายังจัดตั้งห่วงโซ่อุปทานในแนวคิด “ผลิตสินค้าให้ใกล้ชิดลูกค้า” หรือ “การผลิตในท้องถิ่นเพื่อการบริโภคในท้องถิ่น” เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานให้แข็งแกร่งขึ้น
ความริเริ่มในธุรกิจรถจักรยานยนต์และกลยุทธ์ด้านการเงิน
สำหรับธุรกิจรถจักรยานยนต์ ในปีงบประมาณล่าสุดที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2025 ฮอนด้ามียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รวม 20.57 ล้านคัน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของยอดขายรวมในตลาดรถจักรยานยนต์ทั่วโลก โดยทำสถิติยอดขายสูงสุดใน 37 ประเทศและภูมิภาค ฮอนด้าคาดว่าความต้องการในตลาดรถจักรยานยนต์จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดรถจักรยานยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก ฮอนด้าตั้งเป้าสร้างฐานธุรกิจที่มั่นคงด้วยส่วนแบ่งตลาดระดับโลกที่ 50% และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (ROS) มากกว่า 15% ภายในปีงบประมาณ 2531 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2031)
ด้านกลยุทธ์ด้านการเงิน ฮอนด้าคาดการณ์ว่าจะเพิ่มผลกำไรภายในปี 2030 ด้วยการขยายธุรกิจรถจักรยานยนต์อย่างต่อเนื่อง, การลดต้นทุนในธุรกิจยานยนต์ที่เกี่ยวเนื่องกับการปรับใช้ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เจเนอเรชันใหม่และแพลตฟอร์มใหม่, และการเพิ่มยอดขายต่อหน่วยของรถไฮบริด (HEV) โดยยังคงมุ่งหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมาย ROIC (Return on Invested Capital) ของบริษัทที่ 10% สำหรับปีงบประมาณ 2031 สำหรับแผนการลงทุนในกลยุทธ์ด้าน EV ที่ประกาศไว้เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่า 10 ล้านล้านเยน ฮอนด้าได้ปรับลดวงเงินลงทุนลง 3 ล้านล้านเยน เหลือ 7 ล้านล้านเยน ภายในปีงบประมาณ 2031 ซึ่งเป็นผลจากการตัดสินใจเลื่อนโครงการสร้าง value chain สำหรับ EV แบบครบวงจรในแคนาดา รวมถึงการยืดเวลาในการสร้างโรงงานที่จะผลิต EV เฉพาะออกไปก่อน