ข่าว
เอบีม คอนซัลติ้ง เผย 4 ปัจจัยสำคัญในการบริหารจัดการ ROIC เพื่อเพิ่มมูลค่าองค์กร

เอบีม คอนซัลติ้ง (ABeam Consulting) บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ เผยผลการศึกษา ROIC Management จากผู้บริหารกว่า 721 ท่านในบริษัทญี่ปุ่น พบ “บลูชิพ” (Blue Chip) หรือบริษัทชั้นนำที่มีอัตราส่วนมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (P/B ratio) สูง มีแนวโน้มใช้ ROIC (Return on Invested Capital) และตัวชี้วัดการเติบโต ประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจ ส่งผลให้บริหารจัดการ Portfolio และสินทรัพย์ไม่มีตัวตน (Intangible Asset) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากผลสำรวจ บริษัทในกลุ่ม “บลูชิพ” กว่า 64.6% มีการตั้ง KPI (Key Performance Indicator) เฉพาะ พร้อมระบุผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน ต่างจากกลุ่ม “ควรปรับปรุง” ที่มีเพียง 6.4% นอกจากนี้ 52.2% ของบริษัท “บลูชิพ” สามารถพัฒนาระบบการจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทียบกับ 16.7% ในกลุ่ม “ควรปรับปรุง” รวมถึงมีการจัดตั้งทีมสนับสนุน เช่น FP&A (Financial Planning and Analysis) และ BICC (Business Intelligence Competency Center) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งพบเพียง 5.9% ในกลุ่ม “ควรปรับปรุง” ที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน
เอบีม คอนซัลติ้ง ชี้ 4 ปัจจัยสำคัญในการบริหารจัดการ ROIC เพื่อเพิ่มมูลค่าองค์กร ได้แก่ 1. การใช้ตัวชี้วัดจากหลากหลายมิติ ทั้งเชิงรูปธรรมและนามธรรม 2. การสร้างระบบ PDCA (Plan-Do-Check-Act) ที่สอดคล้องกับ KPI 3. การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและฟังก์ชันสนับสนุนด้านข้อมูล และ 4. การลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน (Intangible Asset) พร้อมประเมินผลกระทบทางธุรกิจอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ เอบีม คอนซัลติ้ง พร้อมสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ ผ่านบริการ “Evolving ROIC Management Implementation Support Service” เพื่อพัฒนา Business Portfolio การตั้ง KPI การจัดการข้อมูล และการลงทุนในสินทรัพย์ไม่มีตัวตน รวมถึงบริการ Digital ESG ที่ช่วย Visualization ข้อมูล Non-financial Information เพื่อ Integrated Report และ Investor Relations