กีฬา
JAS คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด “ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก” ฤดูกาลใหม่ใน 3 ประเทศ ด้าน ทรูวิชั่นส์ ย้ำ ยังชมพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้เต็มอิ่ม ยืนยันไม่กระทบแผนการดำเนินธุรกิจ
บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ได้บรรลุข้อตกลงในการถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษแต่เพียงผู้เดียวใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย กัมพูชา และลาว อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการถ่ายทอดสด รีรัน และไฮไลท์ ในฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป
สร้างความตื่นเต้นในวงการอีกครั้ง เมื่อ “JAS” คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด “พรีเมียร์ลีก” ลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลกมาครอบครองได้สำเร็จ มุ่งมั่นถ่ายทอดคอนเทนต์ให้เข้าถึงมากกว่า 25 ล้านครัวเรือนใน 3 ประเทศ ตั้งเป้าสมาชิก 3 ล้านบัญชีในปีแรก จากจำนวนคนทั้งสิ้น 96 ล้านคน ถือเป็นการปิดดีลลงทุนอภิมหาโปรเจ็กต์อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีกลุ่มบริษัทโมโน (MONO) อาทิ MONOMAX และ ช่อง MONO29 เข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ในการทำการตลาดและจัดจำหน่ายคนสำคัญ
การได้รับลิขสิทธิ์ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของ JAS และ MONO ในการร่วมกันขยายธุรกิจด้านคอนเทนต์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มาอย่างยาวนาน โดยมีความพร้อมด้านเงินทุนภายหลังการขายธุรกิจ 3BB รวมถึงเป็นการกระจายพอร์ตการลงทุนครอบคลุมทั้งธุรกิจด้านเทคโนโลยี ภายใต้การนำของ JTS และธุรกิจด้านโทรคมนาคม ภายใต้การนำของ JASTEL
ขณะที่ทรูวิชั่นส์ รายงานว่า ได้เข้าร่วมประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (EPL) ฤดูกาลหน้า 2025-2028 โดยได้ยื่นข้อเสนอไปในราคาที่เหมาะสม แต่มีรายอื่นที่เสนอราคาสูงกว่าและได้รับสิทธิ์ไป อย่างไรก็ตาม ทรูวิชั่นส์ ยืนยันว่าสมาชิกยังสามารถรับชมพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024/2025 ผ่านทุกช่องทางของทรูได้อย่างต่อเนื่องจนสิ้นสุดฤดูกาลในเดือนพฤษภาคม 2568 ทั้งนี้ผลจากการประมูลครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของทรู คอร์ปอเรชั่น
นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ทรูวิชั่นส์ มีความตั้งใจมาโดยตลอดที่จะให้ได้มาซึ่งคอนเทนท์ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งในครั้งนี้ก็เช่นกันได้เข้าร่วมประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2025-2028 ซึ่งแม้ได้ยื่นข้อเสนอแข่งขันไปในราคาที่เหมาะสม แต่เนื่องจากมีผู้ร่วมประมูลรายอื่นเสนอราคาสูงกว่าจึงได้รับสิทธิ์การถ่ายทอดสำหรับฤดูกาลหน้าไป อย่างไรก็ตาม สมาชิกทรูวิชั่นส์ยังคงสามารถรับชมพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024/2025 ได้อย่างเต็มอิ่มจนถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้า (2568) รวมทั้งยังสามารถรับชมคอนเทนท์กีฬาฟุตบอลระดับโลกอื่น ๆ บนทรูวิชั่นส์ เช่น ลาลีกา,บุนเดสลีกา, ซาอุดิลีก, ซาอุดี คิงส์คัพ, เอลีก (ออสเตรเลียน ลีก), ยูฟ่าแชมเปียนส์ ลีก, ยูฟ่ายูโรปา ลีก, ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก, เอฟเอคัพอังกฤษ รวมถึงฟุตบอลไทยลีก1 ไทยลีก2, ช้างเอฟเอคัพ และ รีโวคัพ
ผลจากการประมูลครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของทรู คอร์ปอเรชั่น หรือความพึงพอใจของลูกค้าสมาชิก เรายังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุนในคอนเทนท์ที่หลากหลายทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการความบันเทิงของสมาชิกทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังเดินหน้าพัฒนาบริการการรับชมผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเสริมประสบการณ์การรับชมคอนเทนท์ เพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกค้าในทุก ๆ วันอย่างต่อเนื่องต่อไป