Connect with us

ข่าว

ชุดตรวจ HIV ด้วยตนเอง อย.เตือน! ก่อนซื้อสังเกตฉลากต้องมีเลข อย. ด้วย

Published

on

ชุดตรวจ HIV ด้วยตนเอง

อย. แนะวิธีเลือกซื้อชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองที่ได้มาตรฐาน ต้องมีเลข อย. เพื่อให้ได้ชุดตรวจที่มีคุณภาพ

เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อเอชไอวี (HIV : Human Immunodeficiency Virus) ยังคงเป็นปัญหาและสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของประชากรทั่วโลก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดจากโรคติดเชื้อเอชไอวี จึงได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชุดตรวจที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง พ.ศ. 2562 และประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์การขออนุญาตชุดตรวจที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง เพื่อเพิ่มทางเลือกในการตรวจคัดกรองเบื้องต้นด้วยตนเอง และรู้สถานการณ์ติดเชื้อตั้งแต่ระยะเริ่มแรก นำไปสู่การวินิจฉัยที่เหมาะสม ทั้งยังป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวี

ชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้มีหลักเกณฑ์ และระบบคุณภาพการผลิตที่ดี เช่น มาตรฐาน ISO 13485 รวมถึงกำหนดให้แสดงฉลากต่อผู้บริโภคในประเด็นที่สำคัญต่าง ๆ เช่น ข้อบ่งใช้ วิธีการใช้ วิธีการเก็บรักษา คำเตือน รายละเอียดการติดต่อเพื่อขอคำแนะนำให้คำปรึกษาและมีข้อความว่า “ใช้ตรวจคัดกรองเบื้องต้นด้วยตนเองเท่านั้น หากตรวจพบมีปฏิกิริยา (reactive) ต้องได้รับการตรวจยืนยันการวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวีจากหน่วยบริการที่สามารถตรวจยืนยันวินิจฉัยได้”

ปัจจุบันประเทศไทยมีชุดตรวจที่ผ่านการขึ้นทะเบียนทั้งหมด 2 แบบคือ

  1. การตรวจด้วยวิธีการเจาะเลือดที่นิ้วมือ เป็นการเจาะเลือดจากปลายนื้วมือ แล้วนำตัวอย่างเลือดผสมน้ำยาทดสอบหยดลงบนแผ่นทดสอบ จากนั้นจึงอ่านค่าที่ได้จากแผ่นทดสอบ โดยการตรวจแบบนี้จะมีความแม่นยำและใช้เวลาเพียง 1-15 นาที สามารถรู้ผลได้ทันที (ขึ้นอยู่กับชนิดของชุดตรวจ)
  2. การตรวจด้วยวิธีการเก็บตัวอย่างน้ำในช่องปาก คือ การใช้แผ่นเก็บตัวอย่างที่ด้านปลายชุดตรวจ ป้ายที่ซอกเหงือกด้านบนและด้านล่าง 1 รอบต่อเนื่อง โดยให้แผ่นป้ายอยู่ภายในช่องปากหรืออยู่ในบริเวณเหงือกตลอดเวลา เมื่อเสร็จแล้วให้นำแผ่นปลายชุดตรวจ ใส่ลงในหลอดน้ำยา ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วอ่านผลตรวจ วิธีการนี้ค่อนข้างสะดวกในกรณีที่ไม่ต้องการเจาะเลือดด้วยตนเองและใช้เวลาไม่นานในการอ่านผลสำคัญคือควรงดดื่มน้ำและกินอาหารก่อนตรวจอย่างน้อย 15 นาที และไม่ควรทำความสะอาดช่องปากก่อนตรวจอย่างน้อย 30 นาทีถอดที่ครอบฟันออกก่อนทุกครั้ง

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเองเหมาะกับใคร ?

การใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเองเหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมาแล้ว 90 วัน เนื่องจากอยู่ในระยะที่ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ต่อเชื้อเอชไอวี หากผู้ตรวจได้รับเชื้อแต่อยู่ในระยะฟักตัว อาจมีโอกาสตรวจไม่พบเชื้อเอชไอวีในร่างกาย ซึ่งผลการตรวจโดยชุดตรวจเอชไอวีอาจให้ผลเป็นลบ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วร่างกายมีเชื้อเอชไอวีอยู่

ระวังผลตรวจผิดพลาดและระวังของปลอม

ในกรณีที่ใช้ชุดตรวจไม่ถูกต้อง เช่น ตรวจหลังจากมีความเสี่ยงเพียงไม่กี่วัน การหยดเลือดน้อยหรือมากเกินไป หรือกรณีอื่น ๆ อาจส่งผลให้การตรวจมีความผิดพลาด ทำให้การอ่านค่าจากชุดตรวจผิดได้

ควรเลือกชุดตรวจเอชไอวีที่มีคุณภาพได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. มีการแสดงฉลากข้อความภาษาไทยอย่างละเอียดประกอบด้วยชื่อและสถานที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิตเลขที่ใบอนุญาตเดือนและปีที่หมดอายุของชุดตรวจบรรจุภัณฑ์มีความสะอาดปลอดภัยมีคู่มือแนะนำการใช้งานอย่างละเอียดครบถ้วน

Advertisement

ชุดตรวจด้วยตัวเองเป็นเพียงการตรวจเบื้องต้นเท่านั้น!

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเองเป็นเครื่องมือในการคัดกรองผู้ติดเชื้อเบื้องต้นเท่านั้นจึงไม่สามารถยืนยันได้100%ว่าติดเชื้อหรือไม่กรณีที่ผลออกมาเป็นบวกจะต้องเข้ารับการตรวจยืนยันจากสถานพยาบาลโดยเร็วที่สุดเพื่อยืนยันผลอย่างเป็นทางการโดยแพทย์อีกครั้งหนึ่งหากผลเป็นลบท่านควรได้รับบริการด้านการป้องกันเช่นการให้คำปรึกษาหรือใช้ถุงยางอนามัยเป็นต้น

รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ขอให้ประชาชนเลือกซื้อชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น ร้านขายยา ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมสังเกตเลขใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์ ซึ่งผ่านการรับรองจาก อย. อ่านฉลากก่อนซื้อ ตรวจดูวันที่ผลิต วันหมดอายุ และศึกษาวิธีการใช้จากเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ก่อนใช้ทุกครั้ง

“ทั้งนี้ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เป็นชุดตรวจคัดกรองเบื้องต้น หากบนแถบแสดงผลเป็น “ลบ” และมีพฤติกรรมเสี่ยงครั้งล่าสุดในช่วงระยะเวลา 3 เดือนก่อนการตรวจ อาจยังอยู่ในระยะที่ชุดตรวจยังไม่สามารถตรวจพบการติดเชื้อได้ ในกรณีนี้ควรตรวจซ้ำอีกครั้ง อย่างน้อย 3 เดือนหลังจากมีพฤติกรรมเสี่ยงครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ได้รับยาต้านไวรัสแล้ว เพราะอาจทำให้เกิดผลลบปลอมได้ (false negative)”