ข่าว
Brother ไทย โชว์ฟอร์มปิดปี 67 ด้วยยอดขายเติบโตกว่าตลาดเกือบ 2 เท่า พร้อมเปิดแผนปี 68 ตั้งเป้ายอดขายโต 7%

สำนักข่าวบริคอินโฟ – บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Brother Thailand สร้างผลงานโดดเด่น ปิดปี 2567 ด้วยยอดขายที่เติบโตถึง 9% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของตลาดเทคโนโลยีและไอทีโดยรวมที่ 5.8% พร้อมประกาศแผนธุรกิจปี 2568 ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายไว้ที่ 7% โดยมุ่งเน้นการดำเนินกลยุทธ์ที่ตอบสนองทุกกลุ่มตลาด และการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเป็นสำคัญ
- ย้อนอ่าน : เครื่องพิมพ์ Brother ดีใจตลอด 1 ปี PROXIE นำแบรนด์ครองใจนิวเจน ได้สำเร็จ
- อ่าน : brother ดึง PROXIE ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์จากตลาดสิ่งพิมพ์ไปสู่กลุ่ม Young Gen
นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ตลาดเทคโนโลยี-ไอทีในประเทศไทยในปีที่ผ่านมาจาก Gartner ระบุว่ามีมูลค่าตลาดรวมแตะ 10,000 ล้านล้านบาทเป็นปีแรก เพิ่มขึ้น 5.8% โดยในปี ที่ 28 ของการประกอบกิจการในประเทศไทย บริษัทมียอดขายสูงสุดตลอดการประกอบกิจการตั้งแต่เริ่มเข้ามาในปี 1997 คิดเป็นจำนวนการเติบโต 9% เมื่อเทียบกับปี 66
ปัจจุบันบริษัทตั้งภารกิจอยู่ 5 ข้อ ตามปรัชญา At your side ได้แก่
- การเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
- ตั้งเป้าในการอยู่เคียงข้างความสำเร็จและความพึงพอใจของลูกค้า
- ใส่ใจพนักงานให้องค์กรเป็นสถานที่ทำงานที่สร้างความคิดเชิงบวกให้พนักงาน
- สนับสนุนฝ่ายปฏิบัติการให้พร้อมปรับตัวต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และส่งผลดีต่อลูกค้าและคู่ค้ามากขึ้น
- ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่เราอาศัยอยู่
“สิ่งที่น่ากังวลในปัจจุบันคือ วันนี้เราเจอสิ่งใหม่ใหม่และแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความที่ brother เป็นองค์กรที่อยู่มานับ 100 ปี ซึ่งการที่อยู่มานานขนาดนี้ จะเกิดจากความสามารถในการปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงเชื่อว่าบริษัทจะพร้อมรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลง”
สถานการณ์สงครามการค้าปัจจุบัน นายธีรวุธ ระบุว่า บริษัทแม่ได้มีการประชุมวางแผนการผลิตของ brother ในแต่ละประเทศว่าจะมีส่วนไฟหนของการผลิตได้รับผลกระทบบ้าง และวางแผนเตรียมการไว้จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี 2568 มีความท้าทายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสภาวะเศรษฐกิจ โดยในปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตของดัชนีรายได้ครัวเรือนปี 2567 ไทยเติบโตที่ 2.7% ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยจึงมีการคาดการณ์ว่าในปีนี้อัตราการเติบโตจะไม่ห่างกันเท่าไหร่ที่ 2.9% โดยภาคธุรกิจที่จะเติบโตคือ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต , กลุ่มบริการทางการแพทย์ และ SME เป็นผลมาจาก นโยบายการส่งเสริมต่างๆของรัฐบาล
ขณะที่ปัจจัยบวกในเชิงเศรษฐกิจที่มีการคาดการณ์ในประเทศไทยปี 2568 อาทิ ภาคการท่องเที่ยว , การลงทุนจากต่างประเทศ , การส่งออก แม้จะไม่เยอะแต่ก็มีโอกาสเติบโต และนโยบายการช่วยเหลือจากรัฐบาทที่อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาด ถ้าเกิดปัจจัยเชิงลบณปัจจุบันคือทำการค้าโดยเฉพาะการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐ และสถานะสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา

ปัจจุบัน brother เดินเกมกลยุทธ์ broth All ที่สอดคล้องและรองรับหลายตลาด โดยตั้งเป้าว่าบริษัทจะเป็นหมายเลขหนึ่งในทุกกลุ่มตลาด เข้มข้นไม่ว่าจะเป็นเครื่องพิมพ์ เครื่องสแกน เครื่องเครื่องพิมพ์ฉลาก จักรปัก ระบบดิจิตอล เครื่องพิมพ์ฉลาดดิจิทัลระบบยูวีอิงค์เจ็ทความละเอียดสูงภายใต้แบรนด์ Domino และ เครื่องเสียงภายใต้แบรนด์ BMB
ส่วนแบ่งการตลาดของ brother ประเทศไทย
- เครื่องพิมพ์เลเซอร์ขาวดำ ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 คิดเป็น 45%
- เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นขาวดำ ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 คิดเป็น 55%
- เครื่องพิมพ์เลเซอร์สี ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 คิดเป็น 51%
- เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นสี ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 คิดเป็น 45%
- เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทขนาด A3 ทั่วโลก ครองอันดับ 1 เป็นเวลา 17 ปีซ้อน
- จักรปัก สำหรับ SME ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1
- จักรเย็บผ้าภายในบ้าน ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1
- เครื่องพิมพ์ฉลาก P-touch ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1
- เครื่องพิมพ์ผ้า ระบบดิจิทัล แบบพิมพ์ตรงลงบนผืนผ้า ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1
จากปัจจัยบวกในอุตสาหกรรมต่างๆที่มีโอกาสจะเติบโตทำให้ในปีนี้บริษัทตั้งใจจะดำเนินกลยุทธ์ในการส่งเสริมธุรกิจเหล่านี้ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีไม่ว่าจะเป็นเครื่องพิมพ์และจักรปักในกลุ่ม SME หรือ เครื่องระดับอุตสาหกรรม ที่ตอบโจทย์ให้กับภาคธุรกิจ เช่น ประสิทธิภาพ และ ประเภทหมึกรักษ์โลก
ขณะเดียวกันกิจกรรมส่งเสริมการขาย ก็จะทำธุรกิจแบบ 360 องศา ทั้ง B2B และ B2C ช่องทางต่างๆในการทำให้ลูกค้าได้เห็นผลิตภัณฑ์ต่างๆของบริษัทได้เพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะการทำการตลาดออนไลน์ผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ รวมถึงบริษัทยังเตรียมเปิดตัวอีคอมเมิร์ซบนเว็บไซต์ของตนและ Loyalty Program อีกด้วย โดยเชื่อว่าปี 68 นี้จะสามารถทำยอดขายเติบโตได้ที่ 7%
นายกิตติพงศ์ มองว่าหลังจากนี้ต้องติดตามสงครามการค้าอย่างใกล้ชิด เพราะมีแนวโน้มที่จะผันผวนสูงมาก แต่โอกาสยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่เจอปัญหาของเครื่องพิมพ์ โดยเฉพาะการเจอเครื่องพิมพ์ที่จุกจิก จึงหันมาใช้ brother และการผูกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในโครงการต่าง ๆ เข้าไปมากขึ้น ขณะที่เครื่องพิมพ์ฉลากแบบ P-Touch พบว่ากลุ่มโรงพยาบาลยังคงชอบใช้งานผลิตภัณฑ์ตัวนี้อยู่ และยังพบว่ากลุ่มร้านอาหาร ที่นำเครื่องพิมพ์ฉลากนี้ไปพิมพ์เพื่อระบุอายุของอาหารต่าง ๆ เพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่รวมถึงโอกาสของภาคประชาชนที่จะมองหาอาชีพที่ 2 จากการใช้ขักรเย็บผ้า หรือ จักรปัก ที่ยังมีโอกาสจำนวนมากรออยู่
นายธีรวุธ กล่าวเสริมถึงการที่ brother ต้องเปิดตัวอีคอมเมิร์ซบนเว็บไซต์เพราะ ความต้องการของบริษัทต้องการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของบริษัทในการสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ เช่น เครื่องพิมพ์บางเครื่องที่ใช้งานมานาน 6-7 ปี ร้านค้าก็อาจไม่ได้สต๊อกไว้ จึงต้องการเปิดช่องทางให้ลูกค้าได้สั่งซื้อสินค้าต่างๆ ได้สะดวกสบายมากขึ้น หรือเครื่องพิมพ์ฉลากที่ต้องใช้หมึกเฉพาะรุ่น แต่เนื่องจากร้านค้าต่าง ๆ ก็ขายสินค้ายี่ห้ออื่น ๆ จึงทำให้บางสินค้าที่ brother มี อาจไม่ได้ถูกสต๊อกไว้ในร้านค้าต่างอำเภอ เป็นต้น
ขณะเดียวกันมูลค่าตลาดไอทีประเทศไทยแม้ว่ามูลค่าทั้งตลาดจะเติบโตจนมีมูลค่า 10,000 ล้านล้านบาท แต่เมื่อมองลงมาในตลาดเครื่องพิมพ์ทั้งหมดในตลาดเติบโตราว 2-3% ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองจาก Epson ที่ก่อนหน้านี้ระบุตัวเลขชุดเดียวกัน แต่ brother มองว่ากลุ่มลูกค้าที่จะทำให้ตนเองเติบโตจะมีส่วนของลูกค้าทั่วไปมาเสริมทำให้ยอดขายเติบโตไปได้ตามเป้าหมาย
นางสาวรัสสิญากร ตัณฑวิณิชย์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์ในการบริการลูกค้าปี 68-70 คือการสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการไม่ว่าจะเป็นการรับประกันความมีคุณภาพในการให้บริการ , นวัตกรรมในการให้บริการ อย่าง AI Chatbot , การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และการสร้างความยั่งยืน อย่างการช่วยจัดเก็บและกำจัดตลับหมึกที่หมดแล้ว หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ทนนานเพื่อลดการใช้ทรพยากรธรรมชาติแต่ใช้กลไกหลังการขายมาสร้างได้เสริมเข้ามาแทน