Connect with us

ข่าว

สรุป พ.ร.ก. ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ฉบับใหม่ เพิ่มอำนาจจัดการภัยไซเบอร์ รวดเร็ว-มีประสิทธิภาพ

Published

on

พ.ร.ก. ป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ ฉบับใหม่! เพิ่มอำนาจจัดการภัยไซเบอร์ Meta description: พ.ร.ก. ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ 13 เม.ย. 68 เพิ่มอำนาจจัดการภัยไซเบอร์รวดเ

สำนักข่าวบริคอินโฟ – รัฐบาลไทยยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ประกาศใช้ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2568 เป็นต้นไป กฎหมายฉบับใหม่นี้มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้รวดเร็วและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

สาระสำคัญของ พ.ร.ก. ฉบับนี้มีการขยายขอบเขตนิยามที่เกี่ยวข้องกับ สินทรัพย์ดิจิทัล ให้ครอบคลุมถึงการประกอบธุรกิจ ระบบจัดเก็บ และบัญชีสินทรัพย์ที่อาจเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับการแก้ไข พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ประกาศใช้พร้อมกัน

นอกจากนี้ ยังลดขั้นตอนการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหาย โดยเปิดให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้โดยตรงในชั้นสืบสวน โดยไม่ต้องรอคำพิพากษาจากศาล

อีกหนึ่งมาตรการสำคัญคือ การป้องกันการใช้แพลตฟอร์มต่างประเทศเป็นช่องทางในการฟอกเงิน โดยให้อำนาจ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในการยับยั้งและปิดกั้นเว็บไซต์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศที่ให้บริการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงการกำหนดมาตรการจัดการบัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัล

Advertisement

พ.ร.ก. ฉบับใหม่ยังเปิดช่องทางให้ สถาบันการเงิน เครือข่ายโทรคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ภายใต้กฎหมาย เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นอกจากนี้ ยังกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐมีอำนาจในการกำหนดมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยสำหรับภาคเอกชนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางเทคโนโลยีต่างๆ เช่น SMS ปลอม

ศูนย์ AOC 1441 ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จะได้รับการยกระดับให้เป็นกลไกหลักในการรับแจ้งเหตุ รับคำร้องทุกข์ สั่งระงับธุรกรรมทางการเงิน ประสานงานวิเคราะห์ข้อมูล และดำเนินคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว ครบวงจร และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังกำหนดความรับผิดชอบให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับผิดชอบหากไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนด รวมถึงมีการเพิ่มโทษสำหรับผู้กระทำความผิดในหลายกรณี เช่น สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่ปฏิเสธการเปิดบัญชี ระงับการให้บริการ หรือปิดบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลเมื่อได้รับการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ รวมถึงผู้ซื้อหรือผู้ขายหมายเลขโทรศัพท์ และผู้ที่ เก็บรวบรวม เปิดเผย หรือซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อใช้ในการกระทำความผิดทางอาญาหรืออาชญากรรมทางเทคโนโลยี

Advertisement