ข่าว
อิเลคโทรลักซ์ เผย วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศต้านฝุ่นพิษ หลังคนกรุงโดนฝุ่นPM 2.5 ปกคลุม
ปัญหามลพิษฝุ่น PM2.5 นับเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก เพราะก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสุขภาพต่อผู้คนอย่างชัดเจน จนส่งผลให้ดีมานด์เครื่องฟอกอากาศพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย ทว่า ยังมีผู้บริโภคจำนวนมากที่ขาดความรู้เกี่ยวกับการเลือกเครื่องฟอกอากาศในการรับมือกับฝุ่นอย่าง PM2.5 อย่างได้ผล ซึ่งอาจทำให้หลายคนเสียเงินเปล่า ได้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่สามารถปกป้องอันตรายจากมลภาวะได้อย่างที่คิด…
สถานการณ์ฝุ่นพิษก่อวิกฤตสุขภาพ
เมื่อพิจารณาข้อมูลจาก IQAir แอปพลิเคชันรายงานสภาพภูมิอากาศโลก พบว่าตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา หลายจังหวัดในประเทศไทยประสบปัญหามลภาวะทางอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ซึ่งมีค่าดัชนีฝุ่น PM2.5 สูงกว่า 100 AQI แทบทุกวัน และพุ่งสูงสุดในวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยมีค่าเฉลี่ย 173 AQI และสูงเกิน 200 AQI ในอีกหลายเขต ทำให้กรุงเทพฯ ถูกจัดอันดับเป็นเมืองที่มีสภาพอากาศแย่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก ในขณะที่เมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่างเชียงใหม่ก็ประสบปัญหาไม่ต่างกัน ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพกับประชาชนในวงกว้าง และทำให้หลายคนต้องการเครื่องฟอกอากาศมาติดตั้งทั้งในบ้านและสำนักงาน เพื่อลดความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น
งานวิจัยทางการแพทย์ในปัจจุบันชี้ชัดแล้วว่าฝุ่นละอองอนุภาคเล็กอย่าง PM2.5 เมื่อสูดผ่านระบบทางเดินหายใจจะสามารถผ่านเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาระยะสั้นอย่างทางเดินหายใจอักเสบ แสบจมูก ไอมีเสมหะ แน่นหน้าอก สมรรถภาพปอดลดลง ภูมิแพ้และหอบหืดกำเริบไปจนถึงโรคร้ายแรงอย่าง โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง ไปจนถึงขั้นก่อโรคมะเร็งปอด เป็นต้น
เคล็ดลับการเลือกเครื่องฟอกอากาศสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่
ผู้บริโภคควรพิจารณาเลือกขนาดเครื่องฟอกอากาศที่สามารถครอบคลุมพื้นที่การฟอกอากาศอย่างเหมาะสม โดยเลือกสเปกที่ครอบคลุมมากกว่าพื้นที่ห้องเล็กน้อย เพื่อที่เครื่องจะไม่ต้องทำงานหนักตลอดเวลา โดยดูได้จากค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) ที่แสดงถึงปริมาณการฟอกอากาศในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีระดับเสียงในขณะทำงานไม่เกิน 50 เดซิเบล เพื่อให้คุณสามารถติดตั้งเครื่องฟอกอากาศกับทุกห้องภายในบ้านได้อย่างสบายใจ
วันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามลภาวะฝุ่น PM2.5 ได้กลายเป็นวิกฤตประจำปีที่คนไทยต้องเผชิญ แม้หลายภาคส่วนกำลังร่วมกันรณรงค์และดำเนินการแก้ไข แต่เรื่องสุขภาพก็เป็นสิ่งที่รอกันไม่ได้ ดังนั้น คงจะดีกว่าถ้าเราจะพยายามดูแลรักษาสุขภาพเบื้องต้นให้กับตนเองและทุกคนในบ้าน ด้วยการสร้างอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายจากภายในได้ด้วยตัวเอง
