ข่าว
ส่อง ธุรกิจปูนซิเมนต์ เวียดนาม หลัง SCG ลุยตลาดรับดีมานด์ปูนคาร์บอนต่ำพุ่ง
สำนักข่าวบริคอินโฟ – เอสซีจี (SCG) เผยทิศทางธุรกิจในประเทศเวียดนามปี 2568 รับอานิสงส์จากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง โดยเฉพาะนโยบาย Net Zero Emission ของรัฐบาลเวียดนามที่ผลักดันสู่การเป็น เมืองสีเขียว (Green City) ส่งผลให้ความต้องการ ปูนคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Cement) มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังเตรียมใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตสำคัญที่มีต้นทุนต่ำกว่าไทยถึง 10% เพื่อส่งออกไปยังตลาดโลกทั้งอเมริกา ยุโรป และเอเชีย
นายวิเชษฐ์ ชูเชื้อ Country Director – Vietnam ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างของ SCG เปิดเผยว่า เศรษฐกิจเวียดนามในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวจากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ทำให้ความต้องการวัสดุก่อสร้างและ ปูนซีเมนต์ ฟื้นตัว โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ตั้งเป้าให้เขตเมืองใหม่ไม่น้อยกว่า 50% ต้องผ่านเกณฑ์เมืองสีเขียวภายในปี 2593 รวมถึงการบังคับใช้นโยบายใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่ทำลายโลก เช่น อิฐที่ไม่ผ่านการเผา เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
จากการวิเคราะห์กำลังซื้อ พบว่ากลุ่มที่มีศักยภาพอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือใกล้กรุงฮานอย และภาคกลางแถบเมืองดานัง เมื่อพิจารณาจากอัตราการใช้ปูนซีเมนต์เฉลี่ยต่อหัวของประชากรเวียดนามปัจจุบันอยู่ที่ 605 กิโลกรัมต่อคน ซึ่งยังต่ำกว่าสถิติสูงสุดที่ประเทศไทยเคยทำได้ที่ 1,000 กิโลกรัมต่อคน สะท้อนว่าตลาดก่อสร้างในเวียดนามยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากก่อนจะถึงจุดสูงสุดของวัฏจักรตลาด
“เรื่องของสิ่งแวดล้อมจะเป็นสิ่งหลักที่องค์กรไทยพยายามจะให้ความสำคัญและต้องการเป็นองค์กรตัวอย่างในการประกอบกิจการอย่างยั่งยืนได้ และเมื่อถึงเวลาที่องค์กรต่าง ๆ ในเวียดนามต้องการมองหาการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้วก็จะนึกถึง SCG ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง” นายวิเชษฐ์ กล่าวเสริมถึงเป้าหมายการสร้างแบรนด์ในใจผู้บริโภคชาวเวียดนาม
ปัจจุบัน เอสซีจี ซีเมนต์ (SCG Cement) ในเวียดนามมีกำลังการผลิตปูนเม็ด 3 ล้านตันต่อปี และปูนซีเมนต์ 4 ล้านตันต่อปี โดยเวียดนามถือเป็นฐานการผลิตที่มีต้นทุนต่ำที่สุดของกลุ่มธุรกิจเนื่องจากค่าแรงและราคาพลังงานต่ำกว่าไทยราว 10% อีกทั้งสภาพภูมิศาสตร์ที่ติดทะเลยังเอื้อต่อการขนส่ง ปัจจุบันจึงมีการส่งออกทั้งปูนคาร์บอนต่ำและปูนเม็ดไปยังตลาดต่างประเทศ อาทิ อเมริกา ยุโรป แอฟริกา โอเชียเนีย และเอเชีย
ในช่วงที่ผ่านมา เอสซีจี ได้ใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและติดตั้งระบบ Waste Heat Recovery (WHR) รวมถึงเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงทดแทนอย่าง Biomass และ RDF แทนการใช้ถ่านหิน จนได้รับการรับรองมาตรฐานสากลทั้ง Singapore Green Building Product (SGBC) และ International EPD System (EPD) ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันความยั่งยืนในกระบวนการผลิตเพื่อตอบโจทย์ประชากรวัยทำงานที่มีสัดส่วนสูงถึง 60-70% ของประเทศที่กำลังเร่งขับเคลื่อนความเป็นเมืองในปัจจุบัน
