ข่าว
อาการไอเรื้อรัง เหนื่อยง่าย สัญญาณเตือน มะเร็งปอด

สำนักข่าวบริคอินโฟ – อาการไอเรื้อรัง หายใจลำบาก หรือเหนื่อยง่ายที่หลายคนอาจมองข้ามว่าเป็นเพียงหวัดหรือภูมิแพ้ทั่วไป แท้จริงแล้วอาจเป็นสัญญาณสำคัญของ มะเร็งปอด ซึ่งเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากทั่วโลก การวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มโอกาสการหายขาดจากโรคนี้
นายแพทย์อภิรักษ์ จันทร์เพ็ง อายุรแพทย์ระบบทางเดินหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลเวชธานี (Vejthani Hospital) เปิดเผยว่า มะเร็งปอด เป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลก เนื่องจากในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากได้รับการวินิจฉัยเมื่อโรคลุกลามแล้ว ส่งผลให้โอกาสในการรักษาลดลง
อาการที่ควรระวังของ มะเร็งปอด ได้แก่ ไอเรื้อรัง หรือมี เสมหะปนเลือด, หายใจลำบาก, เจ็บหน้าอก, น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ, เสียงแหบ หรือ เหนื่อยง่ายกว่าปกติ หากมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่องกันหลายสัปดาห์ ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว
การตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นหัวใจสำคัญในการรักษา มะเร็งปอด ให้ได้ผลดีที่สุด นายแพทย์อภิรักษ์ แนะนำให้ทุกคนเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี หรือเข้ารับการตรวจคัดกรองด้วย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ชนิดปริมาณรังสีน้อย (Low Dose CT Scan) หากตรวจพบก้อนหรือจุดในปอด แพทย์จะพิจารณาตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยี EBUS-TBNA (Endobronchial Ultrasound-Guided Transbronchial Needle Aspiration) โดยใช้เทคนิคส่องกล้องหลอดลมร่วมกับอัลตราซาวนด์ ซึ่งช่วยให้แพทย์เก็บชิ้นเนื้อจากก้อนหรือต่อมน้ำเหลืองภายในทรวงอกได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องผ่าตัด
“หากพบเร็วและรีบเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ มีโอกาสหายขาดสูง แต่หากปล่อยให้ ก้อน หรือ จุด ในปอดโตขึ้น มะเร็ง จะลุกลาม ยากต่อการรักษา และเป็นอันตรายถึงชีวิต” นายแพทย์อภิรักษ์ กล่าว
ข้อดีของเทคโนโลยี EBUS คือสามารถเจาะชิ้นเนื้อจากต่อมน้ำเหลืองหรือก้อนเนื้อข้างหลอดลมโดยไม่ต้องผ่าตัด ลดความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน กล้องอัลตราซาวนด์นำทางช่วยเพิ่มความแม่นยำ ลดความเสี่ยง และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจได้ทั้ง มะเร็งปอด, วัณโรค หรือเนื้องอกในระบบทางเดินหายใจ รวมถึงดูความผิดปกติของปอดและหลอดลมได้ โดยทราบผลชิ้นเนื้อภายใน 2 วัน
กลุ่มบุคคลที่ควรเข้ารับการตรวจด้วย EBUS ได้แก่ ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สูบบุหรี่ หรือสัมผัส มลพิษเรื้อรัง, ผู้ที่มีอาการผิดปกติเรื้อรังเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ, ผู้ที่ตรวจพบก้อนผิดปกติจากการ X-ray หรือ CT Scan, และผู้ที่มีประวัติ มะเร็งปอด ในครอบครัว การตรวจด้วยวิธีนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีก้อนในทรวงอก หรือมีความเสี่ยงต่อ โรคมะเร็งปอด เนื่องจากเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย แม่นยำ และฟื้นตัวได้ไว ดังนั้น หากสังเกตเห็นอาการผิดปกติ หรือมีก้อนในทรวงอก ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม