ข่าว
FedEx สำรวจพบ กลุ่มธุรกิจและผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิก เชื่อมั่นว่ายอดขายช่วงเทศกาลจะมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น
เฟดเอ็กซ์ คอร์ปอเรชั่น (Federal Express Corporation) หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการขนส่งสินค้าด่วนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เผยข้อมูลจากผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มการจับจ่ายซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลปีนี้ภายในตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ต้อนรับฤดูกาลชอปปิงช่วงเทศกาลที่กำลังเริ่มต้นขึ้น
แบบสำรวจนี้จัดทำขึ้นในเดือนตุลาคม 2567 โดยการรวบรวมคำตอบจากกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จำนวน 200 แห่ง และผู้บริโภคจำนวน 300 คน ใน 12 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เกี่ยวกับความต้องการ แรงจูงใจในการซื้อ และข้อกังวลของผู้บริโภคในช่วงเทศกาล ตลอดจนแนวโน้มสำคัญที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภค
- อ่าน : เจาะลึกวิธีเลี่ยงความล่าช้าในพิธีการศุลกากรนำเข้าสินค้าสำหรับผู้ประกอบการชาวไทย จากมุมมองของ FedEx
- อ่าน : FedEx เสริมทัพรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เดินหน้าบรรลุเป้าหมายสู่การขนส่งไร้มลพิษ
จากผลสำรวจ[1] พบว่า 70% ของกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs คาดหวังให้ยอดขายเติบโตขึ้นในช่วงเทศกาลเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเกือบ 80% คาดการณ์ว่ายอดขายจะเติบโตขึ้นจากภายในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดโดยรวม เนื่องจากตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตขึ้นระดับสองหลักในปี 2567[2] ตามการเพิ่มขึ้นของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการค้าระหว่างประเทศ อีกทั้ง การค้าภายในภูมิภาคเอเชียยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดการณ์ว่ามูลค่าทางการค้าจะพุ่งทะลุถึง 13.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2573[3]
ผลสำรวจยังเผยถึงโอกาสเติบโตสำคัญสำหรับกลุ่ม SMEs ว่า
- ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง (57%) ชื่นชอบการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ โดยที่ 70% ของผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวระบุว่าส่วนลดและโปรโมชั่นในช่วงเทศกาลเป็นแรงจูงใจสำคัญในการซื้อสินค้า
- การจัดส่งสินค้าฟรียังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่เสริมสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้า รวมถึงกระตุ้นการตัดสินใจในการซื้อของผู้บริโภค โดยผู้บริโภคคาดหวังว่าจะได้รับสินค้าที่สั่งซื้อภายใน 2-3 วันทำการ พร้อมด้วยทางเลือกการจัดส่งที่สะดวกสบาย
- ผู้บริโภคต้องการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ที่คำนึงถึงความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยผู้บริโภคยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อซื้อของขวัญ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสให้กับธุรกิจในการสร้างความแตกต่างให้กับร้านค้าของตนเองให้โดดเด่นท่ามกลางตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูง ด้วยการนำเสนอทางเลือกที่ตอบสนองต่อความต้องการด้านความยั่งยืน
“ฤดูกาลแห่งการมอบของขวัญภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เทศกาลคริสต์มาสไปจนถึงเทศกาลตรุษจีน” คาวาล พรีท ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เฟดเอ็กซ์ กล่าว “ด้วยการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ ผู้ค้าปลีกออนไลน์ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ต่างเตรียมความพร้อมเพื่อเพิ่มยอดขายในช่วงเทศกาลปีนี้ ด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมและโซลูชันดิจิทัลอันชาญฉลาดของเรา เรามุ่งมั่นที่จะช่วยธุรกิจเหล่านี้ให้สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้บริโภค จัดการการขนส่งในช่วงเทศกาลได้อย่างราบรื่น และเติบโตในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการสำรวจ:
SMEs จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากช่องทางอีคอมเมิร์ซในการเพิ่มยอดขาย
อีคอมเมิร์ซยังคงครองส่วนแบ่งในตลาดการค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผลสำรวจพบว่า มากกว่า 87% ของกลุ่ม SMEs ใช้ช่องทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในการขยายฐานผู้บริโภคและเพิ่มโอกาสทางการขาย โดยมีเทศกาลสำคัญในการซื้อสินค้าออนไลน์ เช่น วันคนโสด (Double Eleven), แบล็กฟรายเดย์ (Black Friday) และไซเบอร์มันเดย์ (Cyber Monday)
มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการซื้อสินค้าของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง (57%) ชื่นชอบการสั่งซื้อสินค้าบนช่องทางอีคอมเมิร์ซ ซึ่ง 70% ของผู้บริโภคดังกล่าวได้รับแรงจูงใจในการซื้อจากส่วนลดและโปรโมชั่น แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเทศกาลต่าง ๆ ต่อผู้ค้าปลีกออนไลน์และผู้บริโภค
นอกจากนี้ ผู้ค้าปลีกออนไลน์ยังพัฒนาวิธีการขายที่ตอบสนองต่อผู้บริโภคโดยเฉพาะ เช่น การขายสินค้าผ่านการไลฟ์สตรีมมิ่ง (Live Streaming) การสาธิตผลิตภัณฑ์ รวมถึงข้อเสนอสุดพิเศษบนช่องทางโซเชียลมีเดีย ผลสำรวจยังเผยให้เห็นอีกว่า ผู้ประกอบการ SMEs ให้ความสำคัญกับบริการขนส่งที่เชื่อถือได้ การตั้งราคาตามการแข่งขันในตลาด และการใช้เครื่องมือดิจิทัลที่ตอบสนองความต้องการด้านการขนส่งระหว่างประเทศในช่วงที่มียอดสั่งซื้อสูง โดย 48% ของผู้ค้าปลีกออนไลน์ยังต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติมจากผู้ให้บริการขนส่ง เพื่อช่วยจัดการการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล
โซลูชันอีคอมเมิร์ซที่ครอบคลุมของ เฟดเอ็กซ์ ช่วยให้ผู้ค้าปลีกออนไลน์จัดการคำสั่งซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ ร่วมมือกับตลาดอีคอมเมิร์ซชั้นนำอย่าง Shopify และ BigCommerce พร้อมพัฒนา FedEx Ship Manager (FSM) เพื่อให้ผู้ประกอบการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสามารถจัดส่งและจัดการเอกสารได้โดยตรงเมื่อมีคำสั่งซื้อออนไลน์เข้ามา ระบบนี้ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยเหลือผู้ค้าปลีกออนไลน์ ซึ่งถูกออกแบบมาให้ใช้งานสะดวกและลดขั้นตอนที่ซับซ้อน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีคำสั่งซื้อจำนวนมาก
บริการการจัดส่งที่ตอบโจทย์ ช่วยสร้างความประทับใจให้ลูกค้า
นอกเหนือจากส่วนลดและโปรโมชั่นช่วงเทศกาล การจัดส่งยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าแก่ผู้บริโภค โดย 65% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ตัวเลือกการจัดส่งสินค้าฟรีถือเป็นแรงจูงใจสำคัญในการตัดสินใจซื้อ อย่างไรก็ตาม การจัดส่งที่ล่าช้าก็ยังคงเป็นปัญหาสำคัญ โดย 54% ของผู้บริโภคมองว่า ความล่าช้าในการจัดส่งคือปัญหาหลักในช่วงเทศกาล นอกจากนี้ 60% ของผู้บริโภค คาดหวังให้สินค้าจัดส่งถึงมือภายใน 2-3 วันทำการ และ 45% ให้ความสำคัญกับตัวเลือกการจัดส่งที่สะดวกสบายเพื่อยกระดับประสบการณ์การซื้อสินค้าของตน
เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค บริการจัดส่งอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศอย่าง FedEx® International Connect Plus (FICP) สามารถช่วยให้ผู้ค้าปลีกออนไลน์จัดส่งสินค้าภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยบริการจัดส่งนี้มีความคุ้มราคา และใช้ระยะเวลาจัดส่งภายใน 1-3 วันทำการ[4] ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการบริการการจัดส่งที่รวดเร็ว
เฟดเอ็กซ์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการขนส่งถึงมือผู้รับปลายทาง (Last-mile Delivery) จึงสร้างเครือข่ายตู้รับพัสดุอัจฉริยะจำนวนกว่า 260,000 จุดทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าสินค้าจะถูกจัดส่งอย่างปลอดภัยแม้ในกรณีที่ไม่มีผู้รับพัสดุ นอกจากนี้ ตัวเลือกการจัดส่งถึงมือผู้รับปลายทางที่สามารถปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการ การส่งข้อความโดยตรง และการติดตามสถานะการจัดส่งที่สะดวกสบายผ่านเครื่องมือดิจิทัล เช่น FedEx® Delivery Manager International และ Picture of Proof Delivery ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าสินค้าได้ถูกส่งถึงจุดหมายปลายทางตามบ้านอย่างถูกต้องด้วยเช่นกัน
ผู้บริโภคต้องการทั้งความยั่งยืนและความรวดเร็ว
ท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน ธุรกิจต่าง ๆ มีโอกาสเพิ่มขึ้นในการสร้างความแตกต่างให้กับร้านค้าของตนเอง ด้วยการนำเสนอตัวเลือกการสั่งซื้อที่ยั่งยืน ในขณะที่ 47% ของผู้ประกอบการ SMEs เชื่อว่าผู้บริโภคมองหาความสมดุลระหว่างความยั่งยืนและความรวดเร็วในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ แต่ก็มีผู้บริโภคถึง 88% ที่ระบุถึงความต้องการในการให้ร้านค้าพัฒนาวิธีการสั่งซื้อออนไลน์ที่คำนึงถึงความยั่งยืนมากขึ้นเพื่อให้โดดเด่นจากร้านค้าคู่แข่งอื่น ๆ
ทั้งนี้ ผู้บริโภคยังมีแนวโน้มที่จะสนใจในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าวิธีการขายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถช่วยเพิ่มความภักดีของผู้บริโภคต่อแบรนด์ได้ โดย 77% ของผู้ซื้อยินดีที่จะจ่ายค่าบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนเมื่อซื้อของขวัญ สะท้อนความพร้อมในการสนับสนุนตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ความยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงตัวเลือกของกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ในการดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แต่เป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการตัดสินใจซื้อสำหรับผู้บริโภค โดยกลุ่ม SMEs สามารถสร้างผลกระทบที่เป็นรูปธรรมได้ด้วยการประเมินระบบ
โลจิสติกส์ในห่วงโซ่อุปทาน และการใช้เครื่องมือ FedEx® Sustainability Insights เพื่อตรวจวัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการจัดส่ง[5] ช่วยให้การติดตามและการรายงานความเคลื่อนไหวของพัสดุเป็นไปอย่างง่ายดาย และโปร่งใสมากยิ่งขึ้น
[1]สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลสำรวจได้ที่ |About the Survey| ในส่วนท้ายของบทความประชาสัมพันธ์
[2] อีคอมเมิร์ซ – ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ | Statista Market Forecast
[3] การค้าภายในภูมิภาคเอเชียคาดพุ่งทะลุถึง 13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2573 | Air Cargo Next
[4] ระยะเวลาการจัดส่งพัสดุแต่ละรายการและการให้บริการขึ้นอยู่กับระยะทางของตามรหัสไปรษณีย์ของต้นทางและปลายทาง
[5] บริการนี้มีไว้สำหรับการจัดส่งที่ตรงตามเงื่อนไขเท่านั้น โดยอาจมีข้อยกเว้นบางประการ ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ |FedEx® Sustainability Insights|