“บอล จาตุรณ” ดีไซน์เนอร์ไทย ผู้ออกแบบชุด “Kimi wa Melody เธอคือ…เมโลดี้” ของสาวๆ BNK48

เรียกได้ว่านาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักสาวๆไอดอลวง BNK48 หลังจากล่าสุดได้ปล่อย MV เพลง Kimi wa Melody สร้างการตื่นตัวให้กับคนไทยได้ไม่น้อยเมื่อนำเอาชุดไทยประยุกต์ มาใช้ใน MV ที่ได้แรงบัลดาลใจจากชุดในสมัยรัชกาลที่ 5 แน่นอนว่า Brickinfo ก็ไม่พลาดที่จะเก็บบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากคุณบอล จาตุรณ แร่เพชร ดีไซน์เนอร์ผู้อยู่เบื้องหลังการตัดเย็บชุดของสาวๆ BNK48 และผู้ออกแบบชุด Siam Lolita สุดปัง มาฝากทุกคนกันครับ!

Q : เข้าไปมีส่วนร่วมในโปรเจค ของ BNK48 ได้อย่างไร ? 

A : แต่เดิมดูอนิเมะบ้างแล้วก็ติดตาม AKB48 มาก่อนแล้ว และหลังๆก็เลยถูกชักชวนเข้าไปร่วมติดตามน้องๆ BNK48 ด้วย

Q : โจทย์ที่ได้รับรู้สึกกดดันไหม?

A : นาทีแรกที่ได้รับโจทย์มา รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก  เนื่องจากว่าการตัดชุดแนวนี้ เป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับตัวเราเอง เพราะจะต้องนำความเป็นไทย มาผสมผสานกับความเป็นไอดอลของญี่ปุ่น ให้ออกมามีความโดดเด่น และทำให้ตัวน้องๆต้องออกมาน่ารัก สมวัย จึงมีแนวคิดว่า ชุดไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 นี่แหละมีความร่วมสมัย จึงนำมาประยุกต์ใช้

Q : ทำไมถึงต้องเลือกใช้ชุดไทยประยุกต์ในสมัย รัชกาลที่ 5 ?

A :ผู้ออกแบบได้เลือกการแต่งกายในยุคสมัยของรัชกาลที่ 5 เนื่องจากในยุคนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงแฟชั่นเครื่องแต่งกายของสตรีชนชั้นสูงและคนทั่วไป หลังได้รับอิทธิพลของแฟชั่น Victorian จากการรับวัฒนธรรมของชาติตะวันตก ลักษณะเด่นคือเสื้อแขนพองใหญ่ที่คนไทยเรียกติดปากว่า “แขนหมูแฮม หรือ leg o’mutton sleeves” และการคาดแพรสะพายแทนสไบอย่างไทยพร้อมทั้งประดับเข็มกลัดเพชรอัญมณีตามฐานะและความชอบ เข้าชุดกับการนุ่งโจงกระเบนอย่างไทย

ซึ่งผู้ออกแบบเล็งเห็นว่ามีความร่วมสมัย และมีความสอดคล้องกับสไตล์การแต่งตัวเลียนแบบตุ๊กตายุค Victorian ในชุดระบายฟูฟ่องโดยกลุ่มแฟชั่นในญี่ปุ่น ที่เรียกกันว่าสไตล์ Lolita ผู้ออกแบบจึงนำแนวคิดสองอย่างนี้มาผสมผสานให้ชุดมีรูปแบบที่น่ารักสดใส โดยมีการออกแบบกระโปรงที่ดัดแปลงจากวิธีการจีบหรือจับระบายอย่างการนุ่งผ้า เลือกสรรแบบเสื้อต่างๆ เพื่อให้เข้ากับบุคลิกและเสน่ห์ของน้องๆแต่ละคน และเลือกใช้คู่สีอย่างไทยของตุ๊กตาชาววังที่เป็นที่นิยมในรัชสมัยนั้นมาใช้ เน้นสีสันสดใสและจัดแบ่งโทนสีของรุ่น1เป็นโทนเย็น และรุ่น2เป็นโทนร้อน บวกด้วยการแต้มสีร้อนและเย็นทั้ง2รุ่นเพื่อให้เกิดความกลมกลืนแสดงถึงความแตกต่างของแต่ละคน แต่ละรุ่น แต่ก็สามารถมารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้สำหรับลวดลายที่นำมาประยุกต์ใช้พิมพ์บนผ้า เพื่อให้เกิดความร่วมสมัยจึงมีการลดทอนลายไทยและจัดวางลายให้จดจำได้ง่าย มีความเป็น pop culture มากขึ้นเหมาะสมกับภาพลักษณ์ของวง สำหรับเครื่องประดับศีรษะออกแบบโดย activity one เป็นการสื่อถึงแนวคิดการพับกระดาษอย่าง โอริกามิ (Origami) ของญี่ปุ่นมาประกอบกับการใช้เครื่องประดับอย่างไทย อาทิ ปิ่นปักผม ดอกรักเร่ พวงอุบะ ตกแต่งด้วยระย้าดอกพุด และรัดเกล้าสำหรับเซ็นเตอร์ของเพลง

ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้จึงผสานกันเป็นเครื่องแต่งกายแบบไทยประยุกต์ โดยผู้ออกแบบให้คำจำกัดความว่า “SIAM LOLITA” รูปแบบเครื่องแต่งกายอัตลักษณ์ไทยร่วมสมัย ภายใต้แรงบันดาลใจจากพัสตราภรณ์ของเหล่าชนชั้นสูงสมัยรัชกาลที่5 ผสมผสานความน่ารักสดใสดุจดั่งตุ๊กตาชาววัง

Q : แรงบันดาลใจในการออกแบบคอนเซ็ปชุด ?

A : แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากหนังเรื่อง Marie Antoinette อยากให้ชุดแบบแนวมุมมองความเป็นสากลร่วมสมัยเพื่อโดย ยังคงความน่ารักของน้องๆไว้

Q : ความยากง่ายและความแตกต่างของแต่ละชุดเป็นอย่างไร ? 

A : ความยากคือ ต้องดีไซน์ชุดน้องๆทั้ง 21 ชุด ให้มีความแตกต่างกัน  โดยเฉพาะจะต้องมีการการออกแบบกลุ่มสีของเสื้อผ้า โดยจะแบ่งออกเป็นสีโทนร้อน และสีโทนเย็น ซึ่งถ้าสังเกตใน MV นั้น มีการแบ่งโทนสี  โดยรุ่น 1 จะเป็นสีโทนเย็น สีส่วนใหญ่จะเป็น สีม่วง , สีน้ำเงิน และ เขียวมิ้น ตัดด้วยสีโทนร้อนเล็กน้อย ส่วนรุ่น 2 จะเป็น สีส้ม , สีเหลือง , สีชมพู และสีฟ้า  ซึ่งโดยภาพรวมจะหนักไปในทางสีม่วงเป็นหลัก ซึ่งสีม่วงนั้นในอดีตนั้นถือเป็น สีที่ถูกย้อมยากและหายากมาก

ในส่วนของการออกแบบดีไซน์เครื่องแต่งกายจะมีการออกแบบให้เป็นลายร่วมสมัย โดยเครื้องแต่งกายส่วนท่อนบนมีการใส่เสื้อแขนหมูแฮม มีการติดโบว์และ เครื่องประดับ ส่วนท่อนล่าง จะใช้การนุ่งกระโปรงโลลิต้าแทนการนุ่งโจงกระเบน มีการดัดแปลงดีไซน์กระโปรงโลลิต้าให้ดูมีความเป็นไอดอลผสมเข้ากับความเป็นไทย ถ้าสังเกตในMVตรงส่วนกระโปรงนั้น จะมีการพับแบบโจง มีจีบหน้านางแทนการระบายแบบฝรั่ง

Q : ใช้ระยะเวลาตัดเย็บนานไหม ?

A : ระยะเวลาการทำโปรเจกต์นี้ทั้งหมด 3 สัปดาห์ ทั้งการวัดตัว ตัดชุด และออกแบบ มันเลยเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก

Q : ชุดไหนชื่นชอบเป็นพิเศษไหม? 

A : ถ้าชุดที่ชื่นชอบคงเป็นชุดของCenterซึ่งเป็นชุดของน้องเนย เพราะว่าเป็นชุดที่ใส่ดีเทลลงไปมากที่สุด และมีจุดเด่นตรงเครื่องประดับศีรษะ โดยมีการใช้ศิลปะการพับกระดาษของญี่ปุ่นเรียกว่าโอริกามิ (Origami) มาประกอบกับการใช้เครื่องประดับไทย อาทิ ปิ่นปักผม ดอกรักเร่ พวงอุบะ ตกแต่งด้วยระย้าดอกพุด และรัดเกล้าสำหรับเซ็นเตอร์ของเพลง

Q : ความรู้สึกที่ได้เห็นชุดที่ตัวเองออกแบบแล้วอยู่ใน  MV เพลง Kimi Wa Melody ?

A : รู้สึกตื่นเต้น เพราะเพิ่งเห็น MV พร้อมกันครั้งแรกเหมือนกันกับทุกคนในงาน BNK48 1st 2gether Concert ที่ผ่านมา รู้สึกดีใจผลงานออกมาเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน

สำหรับใครที่อยากติดตามสาวๆวง BNK48 ก็สามารถไปติดตามพวกเธอได้ที่ https://www.facebook.com/bnk48official/
ขอขอบคุณ : BNK48 , National Library of ThailandและJaturon Raepech