บทความ
[Review] XDefiant – FPS เกมเร็วตัวล่าสุดจาก Ubisoft เกมเพลย์มันส์ได้ใจ แต่ไม่เด่นเท่าไหร่
หลังจากเฝ้ารอกันมาอย่างยาวนานแบบไม่กล้าคาดหวัง จนกระทั่งจบการทดสอบช่วง Beta ไปไม่นาน ในที่สุด Ubisoft ก็เปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการแล้วกับ XDefiant เกมเดินหน้ายิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งสไตล์ Arena ที่โดดเด่นด้วยเกมเพลย์ที่เร็ว แรง และท้าทาย
ก่อนอื่นต้องขอปูกันไว้แต่เนิ่น ๆ ว่าก่อนหน้านี้ Ubisoft ทำเอาคอเกมใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ กันแบบไม่พัก จากการประกาศเกมใหม่ในแฟรนไชส์ดังช่วงหลัง ๆ ที่ถ้าดูดีก็รอดไป แต่ถ้ามีกลิ่นเมื่อไหร่เตรียมรับเละ (แบบเละเป็นขี้) กันได้เลย ยกตัวอย่าง “Tom Clancy’s Ghost Recon Frontline” ที่โดนแฟนเกมพากันโวยใส่ตั้งแต่ชั่วโมงแรกของการเปิดตัว เพราะสิ่งที่นำเสนอมามันไม่ใช่เกมเดินหน้ายิงกลยุทธ์แบบที่คุ้นเคย แต่กลายเป็น Extraction Shooter เหมือนสร้างเพื่อเกาะกระแสเกม Escape from Tarkov ยังไงยังงั้น! จนสุดท้าย Ubisoft ก็ยกเลิกการพัฒนาไป
แถม Skull & Bones ที่เป็นเกมโจรสลัดแบบโลกเปิดที่ตอนเปิดตัวมามีแต่คนรอคอย พอเปิดเล่นรอบทดสอบกลับทำเอาผู้เล่นผิดหวังเป็นทิวแถวทั้งเนื้อเรื่องและเกมเพลย์
แววฉิบหายก็เลยมาจ่อถึงคอหอยเกม XDefiant เพราะปีที่แล้วมีข่าวเรื่องยังเปิดเล่นไม่ได้ เพราะพยายามยัดฟีเจอร์ไล่ตาม Call of Duty ซึ่ง “Mark Rubin” Executive Producer ของเกมได้ออกมาปฏิเสธและชี้แจงแล้วว่าเพราะต้องแก้ปัญหาทางเทคนิค ตามมาด้วยข่าวเลื่อนการเปิดเล่นแบบไม่มีกำหนดไป
จังหวะนี้คอเกมก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะกลัวว่าถ้าเกมไม่พัง ก็คงไม่ได้เล่น นี่ยังไม่รวมความกังวลว่าจะได้เกมโคลนของ Overwatch มารึเปล่าด้วยนะ… จนกระทั่ง XDefiant เปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2024 นี้นี่เอง แล้วเกมที่เกิดให้เล่นจริงจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวเรามาดูพร้อม ๆ กัน
XDefiant เป็นเกมเดินหน้ายิง ที่ตัวละครหลัก ๆ จะอ้างอิงมาจากเกมในจักรวาล Tom Clancy’s และเกมดังอื่น ๆ ของ Ubisoft โดยตัวเกมจะมาในสไตล์ Arena ที่ผู้เล่นจะแบ่งออกเป็นสองทีม และต้องทำภารกิจต่าง ๆ ของตัวเองให้สำเร็จ
ทางด้านของ Gamplay โดยพื้นฐานแล้วจะมีระบบการเล่นที่รวดเร็ว เน้นชิงไหวชิงพริบในเสี้ยววินาที เอาง่าย ๆ ก็ “ยิงไว ตายไว เกมจบไว” น่าจะถูกใจวัยรุ่นที่ชอบเกมเร็วแบบเร้าใจกันอย่างแน่นอน หลัก ๆ แล้วXDefiant จะมีโหมดการเล่นทั้งหมด 5 แบบ คือ…
- Escort – คุ้มกัน Payload ไปยังจุดเป้าหมาย หรือป้องกันไม่ให้ Payload ไปถึงที่
- Zone Control – บุกยึดแล้วคุ้มกันพื้นที่
- Domination – แย่งและยึดพื้นที่เป้าหมาย 3 จุดให้ได้นานที่สุดเพื่อสะสมคะแนน
- Occupy – บุกยึดแล้วคุ้มกันพื้นที่ ที่จะสลับตำแหน่งไปเรื่อย ๆ
- Hot Shot – ฆ่าและเก็บค่าหัว ใครสะสมได้มากที่สุดจะชนะ
ทั้งหมดนี้เป็นโหมดที่จะเปิดให้เล่นในช่วงแรก ๆ เท่านั้น และในอนาคตจะมีการเพิ่มโหมดอื่น ๆ , ตัวละคร และ Faction ใหม่ ๆ เข้ามาอีก
ส่วนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “Faction” ที่จะเหมือนเป็นการเลือกคลาสที่เราจะเล่นในแต่ละเกม โดยแต่ละ Faction นั้น จะอ้างอิงพื้นหลังและความสามารถตามเกมที่เป็นซีรีส์ต้นฉบับ และมีการวางบทบาทในการเล่นของตัวเองอย่างชัดเจน ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 Faction ได้แก่….
Cleaners (Tom Clancy’s The Division)
อดีตเจ้าหน้าที่รักษาสุขภาวะของเมือง New York ที่เชื่อว่าการเผาทุกอย่างด้วยไฟ จะฆ่าเนื้อไวรัสที่ทำให้อเมริกาล่มสลายได้ มีบทบาทคล้าย DPS เน้นสร้างความเสียหายเป็นหลัก และใช้อาวุธไฟในการกระชับพื้นที่ต่อสู้ของศัตรู เรียกได้ว่าอาวุธทุกอย่างเป็นไฟหมด ขนาดกระสุนยังใช้กระสุนไฟ ใครโดนเข้าไปไม่จบแค่ก้นเป็นรูแน่นอน
สกิล Ultimate ของ Cleaners คือ “The Purifier” ปืนพ่นไฟที่จะไล่เผาทุกอย่างในระยะ 200 ฟุต ในระยะเวลา 12 วินาที หรือจนกว่าเชื้อเพลิงจะหมด
Phantoms (Tom Clancy’s Ghost Recon Phantoms)
อดีตหน่วย Ghost ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการรบล้ำสมัย ทำหน้าที่คล้ายกับ Tank ที่จะวิ่งขึ้นไปเป็นแนวหน้ารับการปะทะจากทีมคู่แข่ง ด้วยอุปกรณ์เสริมจำพวกโล่ เพื่อการป้องกันและรับกระสุนแทนเพื่อนร่วมทีม
สกิล Ultimate คือ “Aegis” เป็นการกางโล่พลาสม่าพร้อมปืน Electro Scattergun เพื่อโจมตีศัตรูระยะใกล้
Libertad (Far Cry 6)
นักปฏิวัติผู้เชี่ยวชาญการด้นสด พวกเขาขึ้นชื่อเรื่องการระเบิดบ้านใครสักคนด้วยอาวุธทำมือ ทำหน้าที่เป็น Healer ให้กับทีม ด้วยยาวิเศษที่ชื่อว่า “BioVida” ที่เมื่อใช้แล้วจะไม่ใช่แค่ฟื้นพลังชีวิตตัวเอง แต่จะรวมถึงเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วย หรือจะวางเครื่องฮีลไว้ตรงไหนสักที่แล้วให้เพื่อนไปนั่งดมยากันก่อนไปลุยต่อ
สกิล Ultimate คือ “Médico Supremo” กระเป๋าแกดเจ็ตที่จะทำหน้าที่พื้นฟูพลังชีวิตและเร่งการฟื้นฟู 3 ครั้ง ในระยะ 10 ฟุต เป็นระยะเวลา 10 วินาที
Echelon (Tom Clancy’s Splinter Cell)
เจ้าหน้าที่จารยุทธ์ของหน่วย NSA ที่เชี่ยวชาญด้านการลอบเร้นและยุทธวิธีทางข้อมูล Faction สาย Support มีหน้าที่การสอดแนมและเผยตำแหน่งศัตรู มาพร้อมอุปกรณ์เสริมสำหรับพรางตัวและค้นหาตำแหน่งฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้ทีมสามารถปรับแผนเลือกการโจมตีและป้องกันได้อย่างแม่นยำ
สกิล Ultimate คือ “Sonar Goggles” แว่นตา 3 เลนส์ของหน่วย Echelon ที่จะเปิดเผยตำแหน่งของศัตรู และให้ผู้เล่นตามไปไล่เชือดทีละคนด้วยปืนพกขนาด 5.7 มม. ที่สร้างดาเมจได้รุนแรง เป็นระยะเวลา 12 วินาที
DedSec (Watch Dogs)
กลุ่มแฮกเกอร์นักเคลื่อนไหว เชี่ยวชาญการเข้าไปป่วนระบบคอมพิวเตอร์เพื่อก่อกวนศัตรู เป็น Support ที่ถ้าใครได้เล่น จะต้องเป็นที่รังเกียจของทีมตรงข้ามแน่นอน เพราะ Faction นี้มีหน้าที่ป่วนศัตรูโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะการปล้นระบบ HUD, ป่วนโล่และป้อมปืนของศัตรู หรือปล่อยหุ่นแมงมุมไปหยุดการเคลื่อนไหวด้วยการโดดเกาะหน้าและช็อตไฟฟ้าใส่ Faction นี้ถูกล็อกไว้ ต้องสะสมแต้ม 700,000 XP หรือจ่ายด้วยเงิน 1,000 XCoin
สกิล Ultimate คือ “Lockout” ทำการปิดระบบแสดงข้อมูลบน HUD ศัตรูทั้งหมดทั้งแผนที่เป็นระยะเวลา 20 วินาที
ส่วนของอาวุธและแผนที่นั้น ตัวเกมจะมีอาวุธรอให้ใช้ถึง 24 แบบ พร้อมระบบแต่งอาวุธ และแผนที่ทั้งแบบที่ยกมาจากเกม หรือแผนที่ Original ที่ทำมาเพื่อเกมนี้โดยเฉพาะ รวมทั้งหมด 14 แผนที่
และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือเรื่องของกราฟิก โดย XDefiant นั้นจะพัฒนาด้วยเอนจิ้น Snowdrop ตัวเดียวกับที่ใช้พัฒนาเกม Tom Clancy’s The Division ทั้งสองภาค รวมไปถึง Avatar: Frontiers of Pandora และ Star Wars Outlaws
ถ้าให้ว่ากันตามตรง ภาพของเกมนี้ก็สวยสมจริงอย่างไม่ต้องถาม เพราะมันเคยพิสูจน์มาแล้วกับการเนรมิตเมือง New York อันรกร้างในฤดูหนาวมาแล้ว แถมพอมาในรูปแบบมุมมองบุคคลที่หนึ่งด้วย ก็ทำให้เป็นรายละเอียดพื้นผิวได้ชัดเจน ส่วนระบบฟิสิกส์อย่างรอยกระสุนบนวัตถุเป็นยังไง… อันนี้ขอสารภาพว่าไม่ได้ดู เพราะมัวแต่ไปบวกกับทีมตรงข้ามอยู่ แต่ที่แน่ ๆ บางจุดยังเก็บงานไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ เพราะเห็นได้ว่ามีการรีไซเคิลวัตถุมาวางในฉากด้วย
มาถึงส่วนสุดท้ายอย่าง “ประสบการณ์ในการเล่นจริง” จากการที่ลองเล่นคร่าว ๆ ได้ 2-3 เกม คงบอกได้ว่า “XDefiant” อยู่ในระดับที่เลยบาร์ความคาดหวังไปพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ไปสุดเท่าไหร่
เรื่อง Gameplay และ Gunplay นั้น เรียกได้ว่าทำตามที่พูดไว้เลย คือเกมเร็ว ไม่ยืดเยื้อ แถมยังมีระบบที่เข้าใจง่าย ถึงแม้ไม่มี Tutorial หรือด่านฝึกมาให้ แค่เปิดดูตารางปุ่มควบคุมแป๊บ ๆ ก็เล่นเป็นแล้ว และปืนในเกมก็ยิงกันเพลินมาก เข้าไปปุ๊บ คลิกซ้ายค้างปื้ดเดียวคือรู้เรื่อง! (แต่เล็งถูกมั้ยก็อีกเรื่อง)
ในส่วนที่มีคนกังวลว่าจะเป็นเกมโคลน Overwatch อันนี้สบายใจได้ เพราะถึงจะมีระบบสกิลและ Ultimate แต่มันไม่ใช่ Hero-Base Shooter เพราะความสามารถนั้นมันติดอยู่กับ Faction ทำหน้าที่เหมือนคลาสของตัวละคร อย่าง Assault, Scout, Madic, Support อะไรพวกนี้ อารมณ์เดียวกับ Team Fortress 2 นั่นแหละ ซึ่งมันดีตรงที่การจัดสรรหน้าที่ในทีม และชุดอาวุธที่จะใช้มันจะยืดหยุ่นกว่า ทำให้มีอิสระในการเลือกเล่นโยกย้ายตำแหน่งตามแผนการเล่นมากขึ้น
ส่วนที่น่าประทับใจในฐานะแฟนบอยของเกมในเครือ Ubisoft คือการออกแบบแผนที่ที่ให้บรรยากาศของเกมนั้น ๆ เพราะมันแกะมาอย่างเหมือนเลย!
แต่จุดที่บอกว่ายังไม่โอเคเท่าไหร่ คงต้องบอกว่าเป็นเรื่องของเอกลักษณ์ ซึ่งกับเกมที่เอาคลาสมาจากเกมดังของค่าย แถมเป็นแฟรนไชส์เกมเทพ ๆ ทั้งนั้น มันก็ควรจะมีเอกลักษณ์อะไรของเกมนั้น ๆ มาด้วย… แต่เอาเข้าจริงคือตรงกันข้าม เพราะแต่ละเกมมีเอกลักษณ์ของมันเองอยู่แล้วทั้งในด้านระบบและเกมเพลย์ แต่พอถูกจับมาไว้ในเกมเดียวกันมันก็ต้องดรอปลงไปให้มันดูกลาง ๆ เพื่อที่เวลาเล่นมันจะได้ไม่มีตัวละครจากแฟรนไชส์ไหนได้เปรียบเสียเปรียบ
ในฝั่งของระบบการแต่งอาวุธต้องบอกว่ามันดูธรรมดา ไม่มีอะไรให้น่าสนุก ถ้าเทียบกับ Call of Duty ฉบับปี 2019 เป็นต้นมา CoD มันมีอะไรให้เล่นกับปืนได้เยอะ, น่าสนใจ และใช้ได้จริงในทางยุทธวิธีของเกม แต่ของ XDefiant มีแต่ของเบสิกที่ไม่ค่อยทำให้รู้สึกสนุกกับการ Custom สักเท่าไหร่… แต่อย่างน้อยก็ยังมีผลทางยุทธวิธีบ้างล่ะน่า
ส่วนที่เหลืออย่างโหมดการเล่นที่น้อยไป หรืออาวุธที่มีอยู่ไม่กี่กระบอก อันนี้คงต้องปล่อยเป็นเรื่องของอนาคตที่ผู้พัฒนาจะอัปเดตเข้ามาทีหลัง
XDefiant : 7.5/10
ถ้ากำลังมองหาเกม FPS ที่รวดเร็ว ยืดหยุ่น กำหนดแผนได้อิสระ เกมนี้ตอบโจทย์ได้ดี แต่ยังเกลาเอกลักษณ์ของเกมได้ไม่สุดเท่าไหร่ ถ้าอยากเล่นแบบแข่งขัน ระดับ อบต. เหมือนสมัยเล่น Counter-Strike ตามร้านเกม บอกเลยว่ามันส์ใช้ได้… แต่ถ้าระดับ Esports คงต้องให้เวลาและฐานผู้เล่นเป็นตัวพิสูจน์
ติดตามบทความและ Content ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Pop Culture ได้ที่ https://www.facebook.com/GrizzlyTrivialSpace
