Connect with us

ข่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชวนเช็ก 5 พฤติกรรมเข้าข่าย “สายลับ” ลอบส่งข้อมูลความมั่นคง โทษสูงสุดประหารชีวิต

Published

on

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือนประชาชนถึง 5 พฤติกรรมต้องสงสัยที่อาจเข้าข่ายเป็นสายลับลอบส่งข้อมูลความมั่นคงของชาติให้ต่างชาติ ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต พร้อมขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่และสายด่วน 191 หรือ 1599

สำนักข่าวบริคอินโฟ – สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (Royal Thai Police) ออกมาเตือนประชาชนให้เฝ้าระวัง 5 พฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายการเป็นสายลับ ลอบส่งข้อมูลด้านความมั่นคงและการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ไทยให้แก่ต่างชาติ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ประชาชน และความมั่นคงของชาติ โดยผู้กระทำความผิดอาจต้องรับโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสหากพบเห็นพฤติกรรมต้องสงสัย

พลตำรวจตรี ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (Commissioner General of the Royal Thai Police) มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา (Thailand – Cambodia border) ที่อาจมีกลุ่มบุคคลไม่ประสงค์ดีลักลอบส่งข้อมูลความมั่นคงให้แก่ฝ่ายกัมพูชา (Cambodia) จึงขอความร่วมมือประชาชนสังเกตพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายเป็นสายลับ

สังเกตลักษณะการกระทำที่อาจเข้าข่ายเป็นการสายลับ ดังนี้

  1. การเก็บข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์ – ลอบถ่ายภาพหรือวิดีโอที่ตั้งหน่วยทหาร จุดยุทธศาสตร์ เส้นทางลำเลียงเสบียงหรืออาวุธ
  2. การติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ – สอดส่องการเคลื่อนย้ายกำลังพล หรือการจัดวางยุทโธปกรณ์ของหน่วยงานความมั่นคง
  3. การกระทำที่ผิดปกติ – เช่น ถ่ายภาพในพื้นที่บ่อยครั้ง เข้าใกล้พื้นที่ปฏิบัติการโดยไม่มีเหตุผล หรือเดินสำรวจพื้นที่โดยไม่มีจุดหมาย
  4. การเข้าออกพื้นที่หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต – ปรากฏตัวในพื้นที่ที่มีคำสั่งอพยพ หรือในเวลาที่ผิดปกติ เช่น เวลากลางคืน
  5. การครอบครองอุปกรณ์ต้องสงสัย – เช่น กล้องส่องทางไกล แผนที่ยุทธศาสตร์ แผนผังพื้นที่ หรืออุปกรณ์ระบุตำแหน่ง GPS

การกระทำในลักษณะดังกล่าวถือเป็นความผิดร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 “ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร” ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต หากประชาชนพบเห็นพฤติการณ์ต้องสงสัย หรือบุคคลที่มีลักษณะเป็นสายลับ ลักลอบส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ หรือข้อมูลสำคัญของประเทศไปยังฝ่ายกัมพูชา สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ หรือที่สายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง

Continue Reading
Advertisement