ข่าว
สวทช. ส่งมอบองค์ความรู้สู่กรมป่าไม้และชุมชนผาแดง: สร้างสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก

สำนักข่าวบริคอินโฟ – เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมรัตนมณี อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร แม่สอด จังหวัดตาก ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ร่วมกับโครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดตาก (ผาแดง) และภาคีเครือข่าย ส่งมอบองค์ความรู้และเทคโนโลยี 9 โครงการย่อย ให้แก่ กรมป่าไม้ และชุมชนโดยรอบพื้นที่เหมืองผาแดง โดยมุ่งเน้นการอนุรักษ์ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ การเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน และการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง รองผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีพระราชดำริให้พัฒนาพื้นที่เหมืองผาแดง จังหวัดตาก ซึ่งเคยเป็นเหมืองแร่สังกะสี ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติเพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน ไบโอเทค สวทช. จึงได้ดำเนินโครงการ “การอนุรักษ์ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนในพื้นที่เหมืองผาแดง ตามโมเดล BCG” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567-2568 เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 กลุ่มหลัก
กลุ่มแรกคือ กลุ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ประกอบด้วย (1) การสร้างคลังข้อมูลเห็ดป่าและเห็ดสมุนไพร และ (2) การสร้างคลังข้อมูลราทำลายแมลง ซึ่งเป็นการจัดทำฐานข้อมูลจุลินทรีย์กลุ่มเห็ด ทั้งเห็ดป่าที่บริโภคได้และเห็ดสมุนไพร รวมถึงราที่สามารถควบคุมแมลงศัตรูพืชได้ ฐานข้อมูลเหล่านี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการต่อยอดใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืนในอนาคต กลุ่มที่สองคือ กลุ่มผลิตภัณฑ์จากวัสดุเกษตร ได้แก่ (3) กาแฟหมักยีสต์ (4) น้ำส้มสายชูหมักจากเปลือกกาแฟ และ (5) อิฐชีวภาพจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร โดยได้นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรของชุมชน อาทิ การพัฒนา “กาแฟหมักยีสต์” เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับกาแฟแม่สอด การแปรรูปเปลือกกาแฟให้เป็น “น้ำส้มสายชูหมัก” และการสร้าง “อิฐชีวภาพ” จากเศษวัสดุการเกษตร ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
กลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อชุมชน ประกอบด้วย (6) การปลูกมะเขือเทศอินทรีย์ในโรงเรือน (7) การผลิตและใช้ Seed balls สำหรับฟื้นฟูป่า (8) การพัฒนาเชื้อเห็ดเผาะและเห็ดระโงกร่วมกับไม้เศรษฐกิจ และ (9) การใช้ชีวภัณฑ์เกษตรในระบบเกษตรอินทรีย์ โดยมีการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีสู่ชุมชน อาทิ เทคโนโลยีการผลิต “Seed balls” เพื่อฟื้นฟูป่า การปลูกเชื้อเห็ดเศรษฐกิจอย่างเห็ดเผาะและเห็ดระโงกร่วมกับกล้าไม้วงศ์ยาง เพื่อสร้างรายได้ควบคู่กับการปลูกป่า การใช้ชีวภัณฑ์เพื่อการทำเกษตรอินทรีย์ และการปลูกมะเขือเทศเชอรี่อินทรีย์ในโรงเรือน ซึ่งจะช่วยให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
ดร.สิทธิโชค กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความสำเร็จของโครงการเหมืองผาแดงถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ แต่ สวทช. มองไกลไปถึงการขยายผลองค์ความรู้และนวัตกรรม เพื่อร่วมขับเคลื่อนศักยภาพของอำเภอแม่สอด และจังหวัดตาก ในภาพรวม จากวิสัยทัศน์ “จังหวัดตาก เมืองน่าดึงดูด-น่าอยู่-น่าลงทุน” โดย สวทช. พร้อมที่จะนำศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ และการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เราพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน เพื่อนำงานวิจัยไปต่อยอดและขยายผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในวงกว้าง”
นายประเดิม เดชายนต์บัญชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ให้เป็นผู้แทนเปิดงาน กล่าวถึงประโยชน์ที่จังหวัดตากจะได้รับจากโครงการนี้ว่า จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใน 3 มิติสำคัญ คือ มิติของการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ มิติของการเกษตรปลอดภัยและยั่งยืน และมิติของการอนุรักษ์และฟื้นฟู ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของจังหวัดตากในการก้าวสู่เมืองที่น่าอยู่ น่าลงทุน และเป็นประตูสู่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ โดยการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวทาง BCG ที่ สวทช. ได้วางรากฐานไว้ จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้การเติบโตของแม่สอดและจังหวัดตากเป็นการเติบโตที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากนี้ไป จังหวัดตากพร้อมที่จะสนับสนุนและทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อต่อยอดความสำเร็จนี้ให้ขยายผลวงกว้าง พร้อมจะส่งเสริมให้องค์ความรู้เหล่านี้ถูกนำไปใช้ประโยชน์จริงในชุมชนต่าง ๆ ผลักดันให้เกิดผู้ประกอบการ BCG รุ่นใหม่ และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากโครงการให้เป็นสินค้าอัตลักษณ์ของจังหวัดตากต่อไป