แก๊งค์แชร์ลูกโซ่ระบาดหนักเชียงใหม่ หนุ่มนักธุรกิจ โร่แจ้งตำรวจภาค 5 สูญเงินนับล้าน

ผู้สื่อข่าว : นิวัตร ธาตุอินจันทร์ ผู้สื่อข่าวเชียงใหม่
เรียบเรียง : กองบรรณาธิการ Brickinfo

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 ก.ค. 62 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 นายจเรศักดิ์ สุริยะโจง อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับพวกร่วม 30 คน เดินทางเข้าขอความช่วยเหลือกับตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์เป็นหัวหน้าแก๊งค์หลอกลวง โดยมี พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ. 5 มารับเรื่อง พร้อมพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 5

นายจเรศักดิ์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองนั้น ถูกคนที่มีชื่อเล่นว่าเติ้ล อ้างเป็นอาจารย์ หลอกให้พวกตนพร้อมกับพวกร่วมลงทุนซื้อหุ้นเกี่ยวกับการค้าสกุลเงินดอลล่าร์ โดยผู้ที่ลงทุนกองทุนละ 30,000 บาท เพียง 1 เดือนแรก ก็จะได้เงินผลกำไรคืน 10,000 บาท ต่อกองทุน ซึ่งตนหลงเชื่อลงไปประมาณ 830,000 บาท นอกจากนี้ผู้เสียหายบางรายก็ลงทุนไป บางคนโดนหลอกไปประมาณ 4 แสน 1 แสน หรือ 2 แสนบาท บ้างตามลำดับ ตอนแรก ๆ ช่วงประมาณ 1 เดือน หรือ 2 เดือนแรก ก็จะได้เงินปันผลคืนกำไรดีมาก บางคนก็ทุ่มลงทุนไปอีก แต่พอระยะหลัง เริ่มมีปัญหา เริ่มติดขัด รวมทั้งเรื่องของการติดต่อสื่อสารด้วย จึงเชื่อว่าโดนหลอก

ผู้เสียหายขณะนี้น่าจะมากว่า 100 คน ทั่วประเทศ และเรื่องเกิดขึ้นที่กรุงเทพมหานครก่อน แล้วขยายผลมาที่เชียงใหม่ มีการแจ้งความไว้ที่กรุงเทพก่อนแล้ว ส่วนในภาค 5 นั้นเพิ่งเกิดเรื่อง จึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือกับตำรวจภา ค5 ดังกล่าวพ.ต.อ.ธวัชชัย พง์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ. 5 กล่าวว่า ปัจจุบันการหลอกลวงลักษณะแชร์ลูกโซ่ในพื้นที่ภาค 5 มีเป็รนจำนวนมาก วิธีการหลอกลวงก็จะแตกต่างกัน แต่หลัก ๆ ก็คือการนำเงินมาลงทุน แล้วเชิดหนีไป ผู้ที่หลงเชื่อสูญเงินแน่นอน และขอเตือนไปยังผู้เสียหาย หรือพี่น้องประชาชนทุกคน หากมีคนมาชักชวนลงทุนอะไรที่เกี่ยวกับผลกำไร เกินความจริง หรือได้เงินมาง่าย ก็ให้สันนิษฐานว่า กำลังโดนหลอก ดังนั้นอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด เพราะหากกำไรดีจริง แก๊งค์พวกนี้ก็ทำเองไม่ดีกว่าหรือ ดังนั้นก็อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด เพราะหลงเชื่อแล้วจะสูญเสียเงินแน่นอน ครั้งแรกก็คงจะได้เงินปันผลรวดเร็ว ได้เงินเยอะ แต่สุดท้ายก็จะไม่เหลืออะไร ผู้เสียหายส่วนใหญ่ แรก ๆ ที่ร่วมลงทุนกัน พอได้เงินบ้าง ก็จะไม่ค่อยมีใครเดือดร้อน แต่พอช่วง สองสามเดือนหลังพอไม่ได้เงินก็จะเริ่มมหาตำรวจมาให้ข้อมูล ซึ่งมันยากต่อการติดตามเพราะแก๊งค์พวกนี้ก็จะหลบหนีหรือฟอกเงิน นำเงินเราไปทำอย่างอื่นจนหมดแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่ระบุ ในกลุ่มแก๊งค์ นี้ เท่าที่ตรวจสอบเคยมีประวัติหลอกลวงในที่เชียงใหม่ และถูกดำเนินคดีไปแล้ว และเชื่อว่า ในครั้งนี้เช่นเดียวกันเป็นผู้ที่ตั้งตัวหลอกลวง จะต้องประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป