ข่าว
พี่น้องชาวจ้วงผสานเทคโนโลยีดิจิทัล ฟื้นชีวิต “ผ้าจ้วงจิ่น” หัตถกรรมโบราณสู่แฟชั่นระดับโลก
สำนักข่าวบริคอินโฟ – สองพี่น้องชาวจ้วงจากอำเภอซินเฉิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาผสานเข้ากับภูมิปัญญาการทอผ้า จ้วงจิ่น (Zhuang Brocade) ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ผ้าแพรไหมที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีน (Chinese Brocades) เพื่อแก้ไขปัญหาการสืบทอดที่เคยหยุดชะงักลง โดยพวกเขายังได้ปฏิรูปการออกแบบให้ทันสมัยและเป็นสากลมากขึ้น ส่งผลให้ผ้าทอโบราณนี้สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดและเป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศ ทั้งในยุโรปและอเมริกา
ในอดีต อำเภอซินเฉิงถือเป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของ จ้วงจิ่น โดยในช่วงราชวงศ์หมิงและชิง แทบทุกครัวเรือนจะมีการทอผ้าชนิดนี้ อย่างไรก็ตาม ภายใต้ผลกระทบจากเศรษฐกิจตลาด การผลิตและการสืบทอดเทคนิคการทอ ผ้าจ้วงจิ่น กลับประสบปัญหาอย่างหนัก จนกระทั่งในปี 2015

นาย เหลียง เหิงหยวน (Liang Hengyuan) และ นาย หลาน เผยเหวิน (Lan Peiwen) ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องชาวจ้วง ได้ตัดสินใจกลับสู่บ้านเกิดเพื่อสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมนี้ หลังจากทราบว่าในอำเภอมีผู้ที่สามารถทอผ้าด้วยเทคนิคครบชุดหลงเหลืออยู่เพียง 3 คนเท่านั้น
พี่น้องคู่นี้ได้ริเริ่มการบันทึกเทคนิคการทอที่ซับซ้อน ซึ่งก่อนหน้านี้อาศัยเพียงการถ่ายทอดด้วยวาจา โดยเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์เพื่อสร้างระบบการทอลายแบบดิจิทัล
นายเหลียง เหิงหยวน อธิบายว่า “ในอดีต การทอลายผ้าด้วยมือต้องใช้เวลานานหลายเดือน แต่ด้วยความช่วยเหลือจากคอมพิวเตอร์ ทำให้ตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน” การนำวิธีการ ดิจิทัล เข้ามาใช้ในการบันทึกระบบทอ ถือเป็นก้าวย่างสำคัญที่ช่วยให้ เทคนิคโบราณ สามารถเดินทางไปกับ เทคโนโลยี ได้

นอกจากนี้ การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัยถือเป็นอีกแนวทางหลักที่ทั้งคู่ให้ความสำคัญ พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าคนรุ่นใหม่จะสามารถจับกระแสความงามร่วมสมัยได้ดีกว่า จึงได้นำ ลวดลายดั้งเดิม มาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสีสันและสไตล์การแต่งกายยุคปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น การใช้ลายดอกมะลิ (Jasmine) ซึ่งเป็นลวดลายที่เป็นที่รู้จักในระดับ สากล มากกว่าลาย แปดเหลี่ยม แบบดั้งเดิมของกว่างซี เพื่อให้ จ้วงจิ่น สามารถ “พูดภาษาโลก” ได้ โดยผลงานการทอผ้า จ้วงจิ่น ที่ผสมผสานเทคนิคการทอด้วยดิ้นทอง (織金) และการออกแบบที่ทันสมัยนี้ ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาด ยุโรปและอเมริกา
นายหลาน เผยเหวิน ได้แสดงตัวอย่างผลงานที่ออกแบบสำหรับตลาด สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นการรวมลวดลายเมฆและฟ้าร้องจากเครื่องสำริดเข้ากับ ลวดลายเรขาคณิต รูปทรงข้าวหลามตัดของชาวจ้วง พร้อมใช้การผสมสีขาว เทา ดำ เพื่อเปลี่ยน ผ้าจ้วงจิ่น ให้กลายเป็นสินค้าแฟชั่นที่ปรากฏบนเสื้อโค้ตวูลและกระเป๋าหนังของแบรนด์ระดับนานาชาติ

นายหลานเน้นย้ำว่า “งานหัตถกรรมดั้งเดิมต้องพัฒนาให้ทันยุคสมัย เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทอดทิ้ง” ซึ่งพวกเขาได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีองค์ประกอบ จ้วงจิ่น กว่า 60 รายการ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องเขียน และของเล่น เพื่อให้ หัตถกรรมโบราณ สามารถกลับมาเป็นส่วนหนึ่งใน ชีวิตประจำวัน และสืบทอดต่อไปได้อย่างยั่งยืน
ในฐานะนักร้องเพลงพื้นบ้านชาวจ้วง (山歌王) นายหลาน เผยเหวิน ยังใช้เพลงพื้นบ้าน (山歌) ซึ่งบันทึกประวัติศาสตร์ของชาวจ้วง มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างลวดลายผ้าทอ ในขณะที่ นายเหลียง เหิงหยวน ซึ่งทอผ้า จ้วงจิ่น ชิ้นเอกที่มีชื่อว่า 壮乡故宫 (พระราชวังต้องห้ามแห่งชนชาติจ้วง) ก็ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นของพวกเขา โดยเขากล่าวว่า “ผู้เฒ่าผู้แก่ทอเพื่อดำรงชีวิต แต่เราทอเพื่อสานฝัน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราคือการทำให้ดอกไม้แห่งชาติพันธุ์ จ้วงจิ่น ผลิบานบนเวทีโลก”

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขายังได้จัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) และการฝึกอบรม สาธารณประโยชน์ กว่า 80 ครั้ง โดยมีผู้เข้าร่วมฝึกอบรมแล้วประมาณ 1,400 คน ซึ่งช่วยทำลายกรอบความคิดที่ว่า “การทอผ้าเป็นงานเฉพาะของผู้หญิง” และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การสืบทอด ไม่จำกัดเพศ แต่ขึ้นอยู่กับ ความรัก และ ความพากเพียร
