Connect with us

การเมือง

“อนุทิน” สั่งชะลอร่างประกาศ มท. ขยายเวลาอยู่ต่อแรงงานกัมพูชาเกือบแสนคน ตรวจเข้มความมั่นคง หลังพบกลุ่มใบอนุญาตหมดอายุตั้งแต่ ก.พ. 68

Published

on

นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ย้ำ ไทยใช้หลักการ GBC ในการบริหารจัดการชายแดนไทย-กัมพูชา เน้นถอนกำลังและแก้ปัญหา สแกมเมอร์ พร้อมสั่งการตำรวจเร่งสืบสวนและดูแลความปลอดภัยประชาชนหลังเกิดเหตุปล้นร้านทองที่สุไหงโก-ลก นราธิวาส

สำนักข่าวบริคอินโฟ – นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งชะลอการลงนามในร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย (มท.) ว่าด้วยการอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 โดยให้เหตุผลถึงความจำเป็นในการตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่ามีแรงงานสัญชาติกัมพูชาเกือบ 1 แสนคน ที่ใบอนุญาตทำงานสิ้นสุดลงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 และไม่สามารถยืนยันตัวตนหรือที่อยู่ได้อย่างชัดเจน ซึ่งหากอนุญาตให้อยู่ต่อโดยไม่ผ่านการตรวจสอบอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ

การสั่งชะลอการลงนามดังกล่าวเป็นการดำเนินการกับร่างประกาศที่เสนอในสมัยรัฐบาลก่อน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งมติ ครม. เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 มีสาระสำคัญเพื่อผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุ สามารถอยู่และทำงานต่อได้ชั่วคราวเป็นเวลา 1 ปี เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงาน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการตามมติ ครม. ดังกล่าวต้องได้รับการลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก่อนจึงจะมีผลบังคับใช้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้เป็นไปตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมกำชับให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงแรงงานร่วมกันทบทวนรายละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างถูกต้อง โดยหลังจากนี้จะมีการทบทวนมติ ครม. ใหม่เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างรอบคอบอีกครั้ง

น.ส.ไตรศุลี กล่าวเพิ่มเติมถึงหลักการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันว่า “รัฐบาลชุดนี้ยึดหลักปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และจะไม่เร่งรัดดำเนินการใด ๆ จนกว่าข้อมูลและหลักฐานทุกอย่างจะถูกต้องสมบูรณ์ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน” การตัดสินใจชะลอการลงนามครั้งนี้จึงเน้นย้ำถึงความระมัดระวังในประเด็นที่อาจเกี่ยวข้องกับความมั่นคงและการลักลอบเข้าเมือง

Advertisement
Continue Reading
Advertisement