ข่าว
เม็กซิโกผ่านกฎหมายแบนโชว์สัตว์ทะเล คุ้มครองโลมาและสัตว์ทะเลอื่นๆ ห้ามการแสดงเพื่อความบันเทิงทั่วประเทศ
สำนักข่าวบริคอินโฟ – รัฐสภาเม็กซิโกสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการมีมติเป็นเอกฉันท์ 415 ต่อ 0 เสียง เห็นชอบการแก้ไขกฎหมายทั่วไปว่าด้วยสัตว์ป่า (Ley General de Vida Silvestre) เพื่อ ห้ามการแสดงโลมา วาฬเพชฌฆาต สิงโตทะเล และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลชนิดอื่น ๆ รวมถึงการจัดตั้งสวนโลมาแห่งใหม่ทั่วประเทศ กฎหมายฉบับนี้จะอนุญาตให้กักขังสัตว์เหล่านี้ได้เฉพาะกรณีที่เป็นสัตว์ได้รับการช่วยเหลือ หรือเพื่อการวิจัยและอนุรักษ์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น โดยต้องปราศจากวัตถุประสงค์เพื่อความบันเทิงหรือผลกำไร และต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างเคร่งครัด
ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญเมื่อเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงฉันทามติทางการเมืองที่หาได้ยากในประเด็นสวัสดิภาพสัตว์ กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดบทลงโทษที่รุนแรง โดยมีค่าปรับตั้งแต่ 200 ถึง 75,000 เท่าของหน่วย UMA (Unidad de Medida y Actualización) ซึ่งคิดเป็นมูลค่าสูงสุดกว่า 8 ล้านเปโซเม็กซิโก หรือประมาณ 16.8 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย สมาชิกรัฐสภา Virginia Reyes กล่าวว่า “ไม่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลใดควรถูกบีบบังคับให้เป็นเครื่องมือความบันเทิงอีกต่อไป”
Suzanne Milthorpe หัวหน้าการรณรงค์ขององค์กรพิทักษ์สัตว์โลก (World Animal Protection) ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า “นี่คือความก้าวหน้าครั้งสำคัญเพื่อสัตว์ และออสเตรเลียควรเดินตามรอยเช่นกัน” เธอเสริมว่าองค์กรฯ ได้บันทึกหลักฐานจำนวนมากเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานของโลมาที่ถูกกักขัง ไม่ว่าจะในเม็กซิโก ออสเตรเลีย หรือประเทศอื่นทั่วโลก “วันนี้ เราเข้าใกล้ความจริงที่ว่า โลมารุ่นนี้อาจเป็นรุ่นสุดท้ายที่ต้องทนทุกข์เพื่อความบันเทิงของมนุษย์” การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนอย่างชัดเจนว่าการกักขังสัตว์ป่าไม่ใช่รูปแบบธุรกิจที่ยั่งยืน เนื่องจากโลมาและวาฬเพชฌฆาตมีอายุยืนหลายสิบปี ขณะที่กระแสสังคมกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อกฎหมายใหม่ของเม็กซิโกมีผลบังคับใช้ องค์กรพิทักษ์สัตว์โลกเรียกร้องให้ทางการเม็กซิโกกำกับดูแลสวัสดิภาพของโลมาที่ยังคงอยู่ในที่กักขังอย่างจริงจัง เพื่อให้มั่นใจว่าสภาพแวดล้อมของพวกมันตอบสนองความต้องการตามธรรมชาติได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ องค์กรฯ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลรัฐควีนส์แลนด์และนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียแสดงความเป็นผู้นำเช่นเดียวกับเม็กซิโก ด้วยการเร่งปฏิรูประบบกฎหมายและยุติการสนับสนุนอุตสาหกรรมที่แสวงหาผลกำไรจากสัตว์ โดยเฉพาะสถานที่อย่าง Sea World ที่โกลด์โคสต์ และ Coffs Coast Wildlife Sanctuary ที่ยังคงใช้โลมาเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงเพื่อความบันเทิง
องค์กรพิทักษ์สัตว์โลกยังเรียกร้องให้ประชาชนในออสเตรเลียและทั่วโลกทบทวนบทบาทของตนเองในฐานะผู้บริโภคความบันเทิงจากสัตว์ และปฏิเสธรูปแบบความบันเทิงที่ตั้งอยู่บนความทุกข์ของสัตว์ป่า พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เร่งปฏิรูปกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า และยุติการใช้งานสัตว์ป่าในอุตสาหกรรมบันเทิงทุกรูปแบบ เพื่อสร้างสังคมที่เคารพในสิทธิและศักดิ์ศรีของสิ่งมีชีวิตร่วมโลกอย่างแท้จริง
ในขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ “การท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ” ต่อทั้งสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม บริษัทท่องเที่ยวระดับนานาชาติหลายแห่ง เช่น Klook และแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ ได้เริ่มให้ความสำคัญกับนโยบายสวัสดิภาพสัตว์อย่างเป็นรูปธรรมด้วยการยุติการขายบัตรท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมสถานที่ท่องเที่ยวหรือประสบการณ์ที่แสวงประโยชน์จากสัตว์ในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
นางสาวโรจนา สังข์ทอง ผู้อำนวยการองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย (World Animal Protection Thailand) กล่าวว่า “การจัดการนโยบายด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่เอาจริงเอาจังของบริษัทท่องเที่ยวอย่าง Klook และแพลตฟอร์มออนไลน์ท่องเที่ยวอื่น ๆ ได้ช่วยตัดเม็ดเงินที่จะไปสนับสนุนธุรกิจที่ใช้สัตว์ป่าเพื่อสร้างความบันเทิง ซึ่งเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับการฝึกสัตว์อย่างโหดร้ายผิดธรรมชาติ”
เธอยังเสริมว่า “เพื่อเป็นการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจใหม่ที่ยั่งยืน รัฐบาลไทยควรถือโอกาสเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อปกป้องและคุ้มครองสัตว์ป่า ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวที่เคารพต่อสวัสดิภาพของสัตว์ ยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยให้สอดคล้องกับกระแสโลก และเพื่อให้ประเทศไทยเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนต่อสัตว์ทั่วโลก”
เครดิตภาพถ่าย World Animal Protection / Sasha Rink
