Connect with us

การศึกษา

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI “ChatGen” และ “Matthew” ยกระดับการศึกษาอัจฉริยะ

Published

on

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ : Chiang Mai University, THAILAND

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบ ChatGen และ Matthew ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Generative AI แรกของวงการการศึกษาไทยบนระบบคลาวด์ของ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com แพลตฟอร์ม Matthew พร้อมมอบศักยภาพของ Generative AI ให้แก่บุคลากรและนักศึกษากว่า 52,000 คน สามารถใช้งานฟีเจอร์หลากหลาย อาทิ การตอบคำถามพร้อมอ้างอิง สรุปเนื้อหา วิเคราะห์ข้อมูลและรูปภาพ สร้างเอกสาร และแปลภาษา โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่สู่การเป็น “มหาวิทยาลัย AI” โดยการนำเทคโนโลยี AI ขั้นสูงมาบูรณาการเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน การวิจัย และการดำเนินงานในทุกภาคส่วน

การส่งเสริมการเข้าถึง AI อย่างทั่วถึงนี้เกิดขึ้นในบริบทที่ผลสำรวจบ่งชี้ว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 86 ยอมรับว่าใช้ AI ในการเรียน และกว่าร้อยละ 54 ใช้งานเป็นประจำทุกสัปดาห์ มช. จึงให้ความสำคัญกับการวางแนวทางการใช้งาน AI ที่ได้มาตรฐานและมีจริยธรรม เพื่อสนับสนุนให้นักศึกษาใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมและสร้างโอกาสการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม โดยเปิดให้ทุกคนสามารถใช้เครื่องมือ AI และ Generative AI ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

มช. มุ่งมั่นพัฒนาระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ (Generative AI Assistant) เพื่อสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรมสำหรับบุคลากรและนักศึกษา โดยเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นและสามารถขยายขนาดได้ตามต้องการ พร้อมทั้งผสานรวมเทคโนโลยีโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model: LLM), เทคโนโลยี และบริการล่าสุด นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังได้นำเทคโนโลยี RAG (Retrieval-Augmented Generation) ที่ขับเคลื่อนโดย AWS มาใช้ เพื่อสร้างคำตอบที่อ้างอิงจากฐานข้อมูลและเอกสารของมหาวิทยาลัยได้อย่างแม่นยำตามบริบท

ChatGen ทำงานร่วมกับ Amazon Nova เพื่อรองรับการสนทนาอัจฉริยะและระบบแนะนำอัตโนมัติ เช่น การแนะนำวิชาเรียนที่เหมาะสมสำหรับการลงทะเบียน ระบบนี้สามารถเชื่อมต่อกับโมเดล AI พื้นฐานได้หลากหลายผ่าน Amazon Bedrock ไม่ว่าจะเป็น Claude, Llama, หรือ Mistral แพลตฟอร์มนี้ยังถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับระบบต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลหลักผ่านแพลตฟอร์มการเชื่อมต่อแบบหลากหลาย (Multi Connectivity Platform: MCP) ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงระบบได้ง่ายดายด้วยบัญชี CMU IT ที่มีอยู่ และใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านเว็บเบราว์เซอร์บนอุปกรณ์ทุกประเภท ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ ChatGen เช่น ระบบ Student Compass AI ซึ่งเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะในการวางแผนการศึกษาและเส้นทางอาชีพของนักศึกษา โดยให้คำแนะนำในการเลือกรายวิชา จัดตารางเรียน ติดตามความก้าวหน้า วิเคราะห์ทักษะที่จำเป็น และแนะนำโอกาสทางอาชีพ

ChatGen เป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทางเทคโนโลยี AI ที่ มช. พัฒนาขึ้น โดยทำงานร่วมกับ Matthew ซึ่งเป็นเครื่องมือที่พัฒนาบน AWS เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาโดยเฉพาะ Matthew เปิดโอกาสให้คณาจารย์สร้างผู้ช่วยอัจฉริยะที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละรายวิชา ปัจจุบันมีการสร้างผู้ช่วยอัจฉริยะแล้วกว่า 1,000 รูปแบบ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของนักศึกษาในหลากหลายด้าน รวมถึงการเตรียมเนื้อหา การพัฒนาระบบติวเตอร์อัจฉริยะ และการเสริมสร้างทักษะการเขียนคำสั่ง (Prompt Engineering)

Advertisement

มช. ได้วางแนวทางการใช้งาน Generative AI อย่างมีจริยธรรม และนำระบบตรวจสอบการคัดลอกผลงานมาใช้ โดยได้รับการสนับสนุนจากบริการของ AWS ผ่าน Amazon Bedrock Guardrails เพื่อควบคุมการใช้งาน AI อย่างปลอดภัย และ Amazon Simple Storage Service (Amazon S3) สำหรับจัดเก็บฐานข้อมูลความรู้ขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัยอย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชาย รังสิยากูล ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเมืองเพื่อความยั่งยืน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า “การก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัย AI ไม่ใช่เพียงแค่การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ แต่เป็นการปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการสอน การวิจัย และการทำงานของเราใหม่ทั้งหมด ด้วยบริการ Generative AI จาก AWS ทั้ง Amazon Bedrock และ Amazon Nova ทำให้เราสามารถพัฒนาเครื่องมืออย่าง ChatGen และ Matthew เพื่อให้นักศึกษาทุกคนเข้าถึง AI ได้ โดยยังคงรักษาคุณค่าทางวิชาการและจริยธรรมไว้อย่างครบถ้วน”

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนาทิพย์ จันทร์คง อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า “Matthew ได้เปลี่ยนวิธีการสอนการใช้งาน AI ของอาจารย์ไปอย่างสิ้นเชิง อาจารย์สามารถพัฒนาผู้ช่วยอัจฉริยะที่ชื่อ Kathi ขึ้นมาเพื่อช่วยแนะนำนักศึกษาจากทุกคณะในการเขียนคำสั่งที่เหมาะสมกับศาสตร์ในแต่ละสาขา โดย Kathi จะวิเคราะห์และให้คำแนะนำที่สร้างสรรค์เพื่อพัฒนาทักษะของนักศึกษา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนักศึกษา เพราะระบบช่วยสอนแบบเป็นขั้นตอนนี้ช่วยให้พวกเขามั่นใจในการใช้ AI เป็นเครื่องมือสนับสนุนการเรียนรู้มากขึ้น”

อีริค คอนราด (Eric Conrad) กรรมการผู้จัดการด้านภาครัฐระดับภูมิภาคอาเซียนของ AWS กล่าวว่า “เทคโนโลยี AI กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการการศึกษา และสถาบันการศึกษาที่พร้อมรับและปรับตัวอย่างชาญฉลาดจะเป็นผู้กำหนดทิศทางการเรียนรู้ในอนาคต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ถือเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่นำบริการ AI อันทรงประสิทธิภาพของ AWS มาประยุกต์ใช้ เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งนักศึกษาและคณาจารย์สามารถใช้ประโยชน์จาก AI สร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ การนำ Amazon Bedrock และ ChatGen มาใช้ไม่เพียงทำให้เทคโนโลยี AI เป็นเครื่องมือที่ทุกคนเข้าถึงได้ แต่ยังวางรากฐานการใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบ สร้างแบบอย่างที่ดีให้กับสถาบันการศึกษาทั่วโลก”

Advertisement
Continue Reading
Advertisement