การเมือง
“ศุข ศักดิ์ณรงค์เดช” คาดหวังแพลตฟอร์มของ SLR จะพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ช่วยคนไทยสร้างงานเพิ่มรายได้

สำนักข่าวบริคอินโฟ – โครงการสำคัญภายใต้ชื่อ “THAILAND LIVE for LIFE ประเทศไทยต้องไปต่อ” ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่าง Social Life Republic (SLR) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาคเอกชนที่มุ่งเน้นการพัฒนาสังคมดิจิทัล กับ สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภา SME) องค์กรหลักที่เป็นกระบอกเสียงและส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ของประเทศ โครงการนี้ได้พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเป็นแหล่งเรียนรู้ แต่ก้าวไปอีกขั้นสู่การเป็นโอกาสอันแท้จริงสำหรับประชาชนชาวไทยทุกคนในการเริ่มต้นอาชีพใหม่ ด้วยเครื่องมือที่ทุกคนมีติดตัว นั่นคือโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว งานแถลงข่าวการเปิดตัวโครงการจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ SKY LOBBY AT SF WORLD CINEMA, CENTRALWORLD ชั้น 8 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 ท่ามกลางความสนใจจากสื่อมวลชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง
ในงานดังกล่าว สำนักข่าวบริคอินโฟได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นายศุข ศักดิ์ณรงค์เดช ผู้ซึ่งเข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้กับแพลตฟอร์ม SLR โดยก่อนหน้านี้
นายศุขเป็นที่รู้จักในบทบาทนักการเมือง ในฐานะกรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย และเคยลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (เขตห้วยขวาง – วังทองหลาง) เมื่อปี 2566
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่ง นายศุขมีความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในหลากหลายมิติ อาทิ การส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการผลักดันแพลตฟอร์มกลางเพื่อเชื่อมโยงผู้ที่กำลังมองหางานทำกับผู้ประกอบการที่ต้องการบุคลากร
เมื่อถูกถามถึงบทบาทปัจจุบัน นายศุขกล่าวว่า “ตอนนี้เป็นกรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย และยังคงลงพื้นที่ห้วยขวาง – วังทองหลางอยู่ แต่ก็ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแพลตฟอร์มที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในวงกว้าง ซึ่งการทำแพลตฟอร์มในครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่เป็นภาพรวมที่คนไทยทั่วประเทศสามารถเข้าถึงและใช้งานได้”
นายศุขยังได้ยกตัวอย่างแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เคยพัฒนา เช่น ระบบบริหารจัดการโรงเรียนให้กับ สพฐ. (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ซึ่งครอบคลุมตารางสอน ตารางสอบ และระบบลงเวลาด้วยเทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการติดตั้งฮาร์ดแวร์ในโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษทั่วประเทศ
“อันนั้นเป็นโครงการที่ทำร่วมกับ สพฐ. ในโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษทั่วประเทศ อันนั้นก็เป็นแรงบันดาลใจแรกที่มาเน้นทำตัวของแพลตฟอร์มและสารสนเทศ แล้วมันก็มีทิศทางที่ไปได้หลายแห่งมาก”
นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์มส่งเสริมการออกกำลังกายที่สามารถนับก้าวและเชื่อมต่อกับ Smartwatch ได้หลากหลายยี่ห้อ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของ สปสช. (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) และส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น
สำหรับแพลตฟอร์มล่าสุดที่ร่วมมือกับ SLR และ สภา SME เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก นายศุขได้ให้ความเห็นถึงสภาพปัญหาในปัจจุบันว่า “เศรษฐกิจฐานรากตอนนี้มีปัญหาเยอะมาก ในเมืองไทยเอาแค่ปัจจัย 4 การเข้าถึงปัจจัย 4 ของคนไทยเองก็ยังยากเลย นั่นหมายความว่าความเท่าเทียมมันไม่มี หมายความว่าคนไม่สามารถเข้าถึงอาชีพได้ คนรวยก็รวย คนจนก็จน คนชั้นกลางก็กลายเป็นคนจนในอนาคต เราก็ควรหาทิศทางให้เขา ต้องมีสปอตไลท์นำทางให้เขา วันหนึ่งอยู่บ้านเล่นมือถือ คุณเปลี่ยนไหม? เอามือถือเครื่องนั้นมาเรียนรู้และสร้างงานสร้างรายได้ดีกว่าไหม? เลิกเสพดราม่าแล้วมาทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์ดีกว่า ก็ไปร่วมเป็นที่ปรึกษาทำแพลตฟอร์มขึ้นมา”
เป้าหมายหลักของแพลตฟอร์มนี้คือการเป็นอีคอมเมิร์ซที่ไม่ได้เน้นเพียงแค่การซื้อขาย แต่ให้ความสำคัญกับการให้ความรู้แก่ผู้ใช้งาน ตั้งแต่พื้นฐานการไลฟ์สดเพื่อขายสินค้า การพิจารณาและเลือกสรรสินค้า การวิเคราะห์ตลาด ไปจนถึงเทคนิคการเพิ่ม Engagement (การมีส่วนร่วม) และระบบการบริหารจัดการหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพ
“จริงๆ เป้าประสงค์ของแพลตฟอร์มก็เป็นอี-คอมเมิร์ซ แต่ก็เป็นการให้ความรู้ก่อน สอนว่า Live สดอย่างไร? สอนว่าถ้าเราจะหาตัวสินค้ามาขายเราจะต้องพิจารณาแบบไหน? ต้องมองตลาดอย่างไร? ทั้งหมดทั้งมวลพอเราเป็นก็ไปขายบน TikTok ถามว่าทำไมต้อง TikTok เพราะมันเสถียร แต่จริงๆ ผมก็อยากให้มีแพลตฟอร์มของคนไทยด้วยกันเอง เอาไว้ใช้ในบ้านเรา” นายศุขกล่าวด้วยความมุ่งมั่น
นายศุขยังแสดงความกังวลถึงการไหลออกของเม็ดเงินกำไรไปยังต่างประเทศจากการใช้แพลตฟอร์มต่างชาติ “ตอนนี้เวลาเราซื้อ – ขายกัน มันจะมีเงินกำไรส่วนหนึ่งที่ส่งกลับไปต่างประเทศเจ้าของแพลตฟอร์ม เห็นแล้วก็ปวดใจ บางทีของก็ผลิตบ้านเรา บางทีก็ของผลิตจากต่างประเทศ แต่เราก็ต้องส่งกำไรให้เขา ทำไมเราไม่ Implement (ดำเนินการ) ตัวแพลตฟอร์ม คุยกับทางกระทรวงพาณิชย์ไหม? หรือใครก็ได้ ดีอี (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ไหม? ว่าทำแพลตฟอร์มขึ้นมาช่วยเหลือคนไทย เรารักชาติแล้วเราต้องไปในอะไรที่ในส่วนการส่งเสริมอาชีพ ส่งเสริมให้คนในชาติมีรายได้ มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี มีปัจจัย 4 ที่แข็งแรง”
เมื่อกล่าวถึงแนวโน้มที่คนหันมาขายสินค้าออนไลน์มากขึ้น นายศุขชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ผู้ขายส่วนใหญ่มักเผชิญ “แต่ไม่เป็นไง คือทุกคนขายได้แต่ไม่รู้เทคนิคในการเพิ่ม Engagement (การมีส่วนร่วม) ระบบการบริหารจัดการหลังบ้านต่างๆ บางทีพวกนั้นมันต้องใช้เงินเพื่อทำความเข้าใจและเรียนรู้มัน ก็จะขายของได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขาดทุนน้อย”
สำหรับเบื้องหลังการเข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาของ SLR นายศุขเปิดเผยว่า “พอดีว่าผมมีคอนเนคชั่นในสายพี่ซัน (กระทรวง จารุศิระ ประธานที่ปรึกษาโครงการ SLR) กับคุณเป้ (สุธรรม ศรีเมฆานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SLR) คือคุณเป้กับผมเราทำ School Buddy ด้วยกัน ก็คือระบบบริหารจัดการโรงเรียน (ระบบที่ทำร่วมกับ สพฐ.) แล้วเราก็ขยายไปเรื่องอื่น”
ในตอนท้ายของการสัมภาษณ์ นายศุขได้กล่าวถึงความคาดหวังต่อการเปิดตัว SLR และโครงการ “THAILAND LIVE for LIFE ประเทศไทยต้องไปต่อ” ในครั้งนี้ว่า “เราคาดหวังว่าสร้างรายได้อันนี้ ตัว User (ผู้ใช้งาน) ที่เข้ามาใช้ในส่วนของการเรียนรู้ และเราต้องการให้วิสาหกิจชุมชนต่างๆ พวกของในเมืองไทย ของดี SME 4 ดาว 5 ดาวพวกนี้ เอามาเข้าในระบบตรงนี้ เพื่อที่จะให้เกิดการหมุนเวียนในประเทศ และเป็นการยกระดับพัฒนาตัวสินค้าเพิ่มขึ้นมา” พร้อมเสริมว่า “สมมติว่ามีวิสาหกิจชุมชนที่ทำของขึ้นมาแล้วยังไม่ค่อยสากลเท่าไร ก็ให้เขาพัฒนา เราก็จะให้ความรู้ด้วย”