ข่าว
องค์กรไทยเสี่ยงสูง! ถูกโจมตีไซเบอร์มากกว่าค่าเฉลี่ยโลก 70% เช็ค พอยท์ (Check Point) เผยมัลแวร์-ฟิชชิ่งพุ่ง

สำนักข่าวบริคอินโฟ – ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากังวล โดยเฉพาะการโจมตีในรูปแบบฟิชชิ่งและมัลแวร์ธนาคารที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุด เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ (Check Point® Software Technologies Ltd.: NASDAQ: CHKP) เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า องค์กรในไทยถูกโจมตีทางไซเบอร์สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 70%
บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ ผู้ให้บริการโซลูชันด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยรายงานสถานการณ์ภัยคุกคามไซเบอร์ในประเทศไทย
สถิติภัยคุกคามไซเบอร์ในประเทศไทยที่น่าจับตา
จากรายงานของ เช็ค พอยท์ อินเทลลิเจ้นซ์ (Check Point Intelligence) และข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ พบสถิติที่สำคัญดังนี้:
- ความถี่ในการโจมตี: องค์กรไทยเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์โดยเฉลี่ย 3,180 ครั้งต่อสัปดาห์ต่อองค์กร ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (สิงหาคม 2567 – มกราคม 2568) สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 1,843 ครั้งต่อสัปดาห์ต่อองค์กร
- ประเภทภัยคุกคาม:
- แรนซัมแวร์: คิดเป็น 6% ของการโจมตีทางไซเบอร์ทั้งหมดในไทย เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 4%
- มัลแวร์ธนาคาร: สูงถึง 9.5% ในไทย เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกเพียง 2.8%
- ความสูญเสียทางการเงิน: ลูกค้าธนาคารไทยสูญเสียเงินกว่า 6 หมื่นล้านบาท จากการฉ้อโกงออนไลน์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย)
- การใช้ AI ในทางที่ผิด: อาชญากรไซเบอร์ใช้ประโยชน์จาก AI เช่น DeepSeek เพื่อปลอมแปลงตัวตน โจรกรรมทางการเงิน และหลบเลี่ยงการรักษาความปลอดภัยของธนาคาร
นายชาญวิทย์ อิทธิวัฒนะ ผู้จัดการสาขาประจำประเทศไทย บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า “นโยบายคลาวด์ เฟิร์ส (Cloud First Policy) ของรัฐบาลถือเป็นก้าวสำคัญสู่ระบบดิจิทัลให้ทันสมัย แต่หน่วยงานต่างๆ จะต้องตระหนักว่าการนำระบบคลาวด์มาใช้ไม่ได้ปลอดภัยเต็มร้อย ดังนั้นจึงต้องอาศัยแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ และด้วยจำนวนภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามขั้นสูงและการตรวจสอบความปลอดภัยอัตโนมัติเพื่อให้ก้าวล้ำแซงหน้าการโจมตีที่มีการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลา”
นายชาญวิทย์ ยังกล่าวเสริมว่า “การนำแนวคิดที่เน้นความปลอดภัยเป็นอันดับแรกและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI มาใช้ ทำให้องค์กรต่างๆ ของไทยสามารถปกป้องตนเองและยกระดับขีดความสามารถในการรับมือทางไซเบอร์โดยรวมของประเทศในโลกดิจิทัลได้เพิ่มมากขึ้น” พร้อมทั้งกล่าวถึงงาน ซีพีเอ็กซ์ เอแพค 2025 (CPX APAC 2025) ที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าเป็นงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำระดับโลก ที่ให้ความรู้และข้อมูลเชิงลึกในการรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์
สถานการณ์ภัยคุกคามไซเบอร์ในประเทศไทยที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ในการยกระดับความรู้ความเข้าใจ และใช้มาตรการป้องกันภัยไซเบอร์อย่างเข้มงวด เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนและรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นและขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศ