Connect with us

ข่าว

เตือนภัย! มิจฉาชีพออนไลน์อาละวาด หลอกลงทุน-Romance Scam อาทิตย์เดียว 5 คดี มีเหยื่อ สูญเงินเกือบ 40 ล้านบาท

Published

on

หลอกลวงออนไลน์

ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ (AOC 1441) รายงานสถิติการหลอกลวงออนไลน์ระหว่างวันที่ 16-22 ธันวาคม 2567 พบรูปแบบการหลอกลวงที่หลากหลาย ตั้งแต่การหลอกให้ลงทุนในหุ้น บิตคอยน์ Romance Scam ไปจนถึงการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อข่มขู่ให้เหยื่อโอนเงิน โดยมีมูลค่าความเสียหายรวม 5 คดี เกือบ 40 ล้านบาท

โดยนับตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 ศูนย์ AOC 1441 ได้รับสายโทรเข้ากว่า 1,317,746 สาย หรือเฉลี่ย 3,168 สายต่อวัน และสามารถระงับบัญชีธนาคารได้ถึง 437,409 บัญชี หรือเฉลี่ย 1,170 บัญชีต่อวัน

นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า มิจฉาชีพมักใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง Facebook และ Line รวมถึงแอปพลิเคชันหาคู่ เช่น Tinder ในการเข้าถึงเหยื่อ โดยใช้วิธีการหลอกลวงที่หลากหลาย เช่น การชักชวนลงทุนเทรดหุ้น-บิตคอยน์ การเสนองานหารายได้พิเศษ และการสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว (Romance Scam)

อาทิตย์เดียว 5 คดี มีเหยื่อ สูญเงินเกือบ 40 ล้านบาท

วันที่ 16-22 ธันวาคม 2567 มีรายงานเคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวง จำนวน 5 เคส ประกอบด้วย

Advertisement

คดีที่ 1 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 10,696,232 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Facebook ชักชวนลงทุนเทรดหุ้น ผู้เสียหายสนใจและเพิ่มเพื่อนทาง Line จากนั้นถูกดึงเข้า Group Line มิจฉาชีพส่งลิงก์เว็บไซต์สำหรับการลงทุนเทรดหุ้นและแนะนำขั้นตอนต่างๆ ต่อมาให้โอนเงินเพื่อทำการเทรดหุ้น ในครั้งแรกจะยังไม่ได้รับผลตอบแทน มิจฉาชีพแจ้งให้โอนเงินเทรดหุ้นเพิ่มมากขึ้นและจะได้รับผลตอบแทนจำนวนมากในภายหลัง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปจำนวนมากขึ้น ต่อมาผู้เสียหายต้องการถอนเงินแต่ไม่สามารถถอนได้ จึงนำลิงก์เว็บไซต์ไปตรวจสอบพบว่าเป็นลิงก์เว็บไซต์ปลอม ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 2 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 9,611,361 บาท โดยผู้เสียหายพบโฆษณาชักชวนลงทุนหารายได้พิเศษอ้างผลตอบแทนดีผ่านช่องทาง Facebook ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line ทักไปสอบถามรายละเอียด จากนั้นให้ติดตั้งแอปพลิเคชันเพื่อเริ่มทำงาน โดยจะต้องเสียค่าสมัครสมาชิกและต้องโอนเงินทำกิจกรรม จะได้รับค่าคอมมิชชันเป็นการตอบแทน ช่วงแรกได้รับค่าคอมมิชชันและสามารถถอนเงินได้จริง ภายหลังโอนเงินเพิ่มขึ้นแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพแจ้งว่าทำรายการผิดพลาด ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 3 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 7,570,168 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Facebook ชักชวนลงทุนเทรดบิตคอยน์อ้างได้ผลตอบแทนดี ผู้เสียหายสนใจจึงทักไปสอบถามรายละเอียดผ่านทาง Messenger Facebook จากนั้นได้เพิ่มเพื่อนทาง Line ให้กรอกข้อมูลส่วนตัวและติดตั้งแอปพลิเคชัน มิจฉาชีพแจ้งว่าให้โอนเงินลงทุนในจำนวนที่มากเพื่อจะได้รับผลตอบแทนดีและรวดเร็วมากขึ้น ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป ต่อมาเห็นว่ามีกำไรสะสมเป็นเหรียญจำนวนมากจึงต้องการถอนเงิน แต่มิจฉาชีพแจ้งว่าผู้เสียหายได้ทำรายการผิดพลาด ระบบระงับรายการถอนเงินไว้ชั่วคราว จะต้องโอนเงินเข้าไปเพิ่มเพื่อแก้ไขข้อมูล ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก

คดีที่ 4 คดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน มูลค่าความเสียหาย 7,154,589 บาท ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Facebook อ้างตนเป็นทนายสามารถช่วยเหลือดำเนินคดีอาชญากรรมออนไลน์ จากนั้นเพิ่มเพื่อนทาง Line มีการสอบถามรายละเอียดทางคดีและติดต่อสนทนาผ่าน VDO Call โดยให้พูดคุยกับอีกบุคคลหนึ่งซึ่งอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งว่าเงินของผู้เสียหายอยู่ในเว็บไซต์การลงทุน เทรดหุ้นที่ผิดกฎหมาย หากไม่ทำตามคำแนะนำจะมีความผิดขั้นร้ายแรง ให้โอนเงินเป็นค่าดำเนินการและจะโอนเงินกลับ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป ภายหลังการโอนเงินไม่ได้รับเงินคืนตามที่แจ้งไว้และให้โอนเพิ่มอีกหลายครั้ง ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

Advertisement

และคดีที่ 5 คดีหลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน (Romance Scam) มูลค่าความเสียหาย 4,727,506 บาท โดยผู้เสียหายได้รู้จักกับมิจฉาชีพผ่านช่องทางแอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์ Tinder จากนั้นพูดคุยกันจนสนิทใจแต่ไม่เคยพบเจอกัน ต่อมาภายหลังชักชวนให้ลงทุนหุ้นบริษัทน้ำมัน แจ้งผลตอบแทนสูงเพื่อเป็นเงินในการสร้างอนาคตร่วมกัน ผู้เสียหายหลงเชื่อทำตามคำแนะนำ ลงทุนในระยะแรกได้รับผลตอบแทนจริง ต่อมาให้ลงทุนเพิ่มมากขึ้น ตนต้องการถอนเงินออกแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพแจ้งว่าต้องจ่ายค่าภาษีก่อนจึงสามารถถอนเงินออกมาได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป จากนั้นไม่สามารถติดต่อได้ ตนเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดี รวม 39,759,856 บาท

“กรณีการร่วมลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ หรือถูกอ้างว่ามีคดีติดตัว ที่ไม่มีการรับรองโดยหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นการเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง ขอให้ผู้เสียหายตรวจสอบติดต่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามรายละเอียดให้แน่ชัด หรือติดต่อผ่านทางสายด่วน AOC 1441 เพื่อยืนยันตรวจสอบข้อเท็จจริง” นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าว

ทั้งนี้ ศูนย์ AOC 1441 ได้เร่งดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โดยพบว่า 5 อันดับคดีที่มิจฉาชีพใช้หลอกลวงมากที่สุด ได้แก่

Advertisement
  1. หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ (131,580 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 30.08)
  2. หลอกลวงหารายได้พิเศษ (105,674 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 24.16)
  3. หลอกลวงลงทุน (64,814 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 14.81)
  4. หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล (39,351 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 9.00)
  5. หลอกลวงให้กู้เงิน (33,529 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 7.67)

กระทรวงดีอี ยังคงมุ่งมั่นให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยย้ำเตือนให้ประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ 2. ไม่เชื่อ 3. ไม่รีบ และ 4. ไม่โอน และหากพบเบาะแสหรือตกเป็นเหยื่อสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1111 หรือ AOC 1441