Connect with us

บทความ

12 เรื่องเกี่ยวกับการฉีดวิตามินผิวขาวที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

Published

on

เพราะในบางครั้งการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุง และแก้ปัญหาผิว เช่น ครีม เซรั่มต่างๆ อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน หรือให้ผลลัพธ์ที่ช้าไม่ทันใจ ดังนั้นการฉีดวิตามินผิว จึงเป็นทางลัดสำหรับการมีผิวสวยไปพร้อมๆ กับผิวแข็งแรงสุขภาพดี ด้วยการเติมวิตามิน แร่ธาตุ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระเข้าสู่ผิวหนัง บทความวันนี้ จะมาไขข้อสงสัยถึง 12 เรื่องเกี่ยวกับการฉีดวิตามินผิวที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน เพื่อได้ทราบข้อเท็จจริง และมั่นใจว่าปลอดภัยก่อนเดินฉีดวิตามินผิว

ฉีดวิตามินผิวคืออะไร การฉีดวิตามินผิว Vitamin therapy (IV) เรียกสั้นๆ ว่า IV ที่ย่อมาจาก Intravenous ที่แปลว่า หลอดเลือดดำ มีวิธีทำโดยใช้เข็มฉีดนำสารวิตามิน อันมีประโยชน์ต่อผิวพรรณและร่างกายผ่านทางเส้นเลือดดำ เพื่อฟื้นฟูระบบภายในร่างกายที่เสื่อมสภาพ หรือนำไปใช้สร้างคอลลาเจนที่มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ที่จะทำให้สุขภาพผิวแข็งแรง กระจ่างใส

วิตามินที่ฉีด มีอะไรบ้าง แต่ละชนิดช่วยเรื่องอะไร สำหรับการเลือกฉีดผิวสูตรไหนดี ในปัจจุบันการฉีดวิตามินผิวมีหลากหลายสูตรมาก ซึ่งถูกคิดค้น หรือปรับเปลี่ยนไปตามแต่ละคลินิกเสริมความงามจะเลือกใช้ แต่หลักๆ แล้วสูตรวิตามินผิวที่ใช้ฉีดคือวิตามินหลักที่จำเป็นต่อร่างกายดังนี้

  • วิตามินซี มีจุดประสงค์เพื่อต้านอนุมูลอิสระอันเป็นต้นเหตุให้ผิวหมองคล้ำหรือรอยเหี่ยวย่น ทำให้ผิวดูเรียบเนียน และกระจ่างใสขึ้น
  • วิตามินเอ ช่วยให้ซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพ ไปพร้อมๆ กับลบเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ และลดการอักเสบของผิว
  • วิตามินอี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวแข็งแรง และลดการระคายเคืองของผิวที่เกิดจากการเจอมลภาวะสิ่งสกปรกต่างๆ
  • วิตามินบีรวม มีคุณสมบัติเข้าไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวอมชมพูมีเลือดฝาด ดูสุขภาพดี

สำหรับใครที่อยากรู้ว่าฉีดวิตามินผิวแต่ละสูตรได้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไรสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ ฉีดวิตามินผิว ดีไหม ก่อนฉีดผิวขาวครั้งแรก ควรรู้อะไรบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายหลังฉีด

ข้อดี-ข้อเสีย ของการฉีดวิตามินผิว แม้ว่าการฉีดวิตามินผิว จะเป็นการฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงในระยะเวลาอันรวดเร็ว และเป็นวิธีที่นิยมเอามากๆ ในปัจจุบัน แต่ขอให้ผู้ที่สนใจได้ทราบถึงข้อดี-ข้อเสีย ของการฉีดวิตามินผิว ให้ได้พิจารณาประกอบการตัดสินใจเพื่อความชัวร์กันอีกครั้ง

Advertisement

ข้อดีของการฉีดวิตามินผิว

  • ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส
  • กระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน
  • ปกป้องเซลล์ผิวจากมลภาวะและสิ่งสกปรก
  • ซ่อมแซมเซลล์ผิวให้แข็งแรง
  • รอยดำ รอยแดง และรอยแผลหายเร็วขึ้น
  • ชะลอการเกิดริ้วรอย
  • บรรเทาอาการหวัด โรคภูมิแพ้ เพราะเข้าไปกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  • ลดอาการอ่อนเพลีย

 ข้อเสียของการฉีดวิตามินผิว

  • การฉีดวิตามินผิวในปริมาณที่มากเกินไป เป็นอันตรายทั้งผิวหนังและอวัยวะในร่างกาย ดังนั้นควรฉีดกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้น
  • ผิวมีความไวต่อแสงแดด ควรดูแลผิวหลังฉีดวิตามินผิวด้วยการทำครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ ไม่เช่นนั้นผิวอาจกลับมาดำคล้ำได้ง่าย
  • ต้องกลับมาฉีดวิตามินผิวซ้ำ หากต้องการให้ผลลัพธ์คงสภาพอย่างสม่ำเสมอ
  • มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เมื่อเทียบกับการรับประทานวิตามินในรูปแบบอื่น เช่น วิตามินจากผัก ผลไม้ หรือวิตามินในรูปแบบเม็ด

12 เรื่องเกี่ยวกับการฉีดวิตามินผิว

แม้ว่าการฉีดวิตามินผิว จะเป็นการฉีดเอาวิตามิน และสารประโยชน์ต่างๆ เข้าร่างกาย แต่ก็ยังมีเรื่องควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด ดังนั้นลองมารีเช็กกันก่อนดีไหม กับ 12 เรื่องเกี่ยวกับการฉีดวิตามินผิว มีข้อเท็จจริงอะไรบ้าง

1.ฉีดวิตามินผิวอันตรายไหม

โดยปกติแล้วการฉีดวิตามินผิวปลอดภัยและไม่มีอันตรายใดๆ อย่างแน่นอน เพราะตัวยาที่ฉีดเข้าไปนั้นจะได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก อย. และจะฉีดโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้น

2.ฉีดวิตามินผิว กี่ครั้งเห็นผล  ต้องเว้นระยะห่างนานหรือไม่

สำหรับการฉีดวิตามินผิว สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังการฉีดในครั้งแรก แต่ผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุด ต้องฉีดวิตามินผิวอย่างน้อย 2 – 5 ครั้ง ฉีดได้ทุกๆ 2 – 4 สัปดาห์ ซึ่งความถี่ในการเข้ารับบริการฉีดวิตามินผิว คุณหมอจะพิจารณาให้อย่างเหมาะสมตามสูตรวิตามินผิวที่ฉีดเข้าไป และตามปัญหาผิวของแต่ละคน

3.ฉีดวิตามินผิว ให้ผลลัพธ์อยู่ถาวรตลอดไปหรือไม่

ผลลัพธ์จะไม่สามารถอยู่ได้ถาวรตลอดไป โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้เพียง 1-3 เดือนเท่านั้นขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน ดังนั้นผู้ที่ฉีดวิตามินผิว จำเป็นต้องฉีดซ้ำอย่างสม่ำเสมอ

Advertisement

4.วิตามินผิว มีแบบไหนบ้าง

การฉีดวิตามินผิว แบ่งออกเป็น 2 แบบ และมีความแตกต่างของบริเวณการฉีดดังนี้

  1. ฉีดแบบถุงน้ำเกลือ

เป็นการฉีดวิตามินผิวเพื่อให้ผิวพรรณสุขภาพดี และเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเซลล์ในร่างกายให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น คุณหมอจะฉีดบริเวณข้อพับ ซึ่งฉีดผ่านสายน้ำเกลือเข้าเส้นเลือดดำ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้ในปริมาณมากและรวดเร็ว

2.ฉีดแบบเข็มไซริงค์

เป็นการฉีดสารวิตามินโดยเข็มฉีดเข้าสู่หลอดเลือดดำโดยตรง มักจะนิยมฉีดกับผิวหน้า หรือที่เรียกว่า ฉีดมาเด้ (MADE) มักจะฉีดเพื่อซ่อมแซมปัญหาผิวหน้า ลดการเกิดสิว และขับสารพิษออกจากผิวหน้าได้อย่างดี

5.ฉีดวิตามินผิว เหมาะ-ไม่เหมาะกับใครบ้าง

สำหรับการฉีดวิตามินผิว เป็นการเสริมสร้างสุขภาพผิว แต่ก็เหมาะกับกลุ่มคนบางกลุ่ม และมีความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันเป็นอันตรายกับกลุ่มคน ดังต่อไปนี้

Advertisement

กลุ่มคนที่เหมาะกับการฉีดวิตามินผิว

  • ผู้ที่ต้องการผิวกระจ่างใสในระยะเวลาอันรวดเร็ว
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาตัวเองอย่างเพียงพอ
  • ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแล้วไม่เห็นผลเท่าที่ควร
  • ผู้ที่ต้องการมีสุขภาพผิวที่ดีจากภายใน ที่ไม่ใช่แค่การปรับสภาพผิวให้ดีแค่ผิวชั้นนอก
  • ผู้ที่ต้องการกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกายให้ดีขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ไม่ให้ป่วยบ่อย

กลุ่มคนที่ไม่เหมาะกับการฉีดวิตามินผิว

  • หญิงตั้งครรภ์ หรือคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร
  • ผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบความดันเลือด
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจ
  • ผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ผู้ป่วยโรคตับ
  • ผู้ป่วยโรคไต
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  • ผู้ที่มีภาวะธาตุเหล็กเกิน (Iron overload หรือ Hemochromatosis)
  • ผู้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD (G6PD Deficiency)

6.ฉีดวิตามินผิว ทำได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่

จริงๆแล้วการฉีดวิตามินผิว สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ15 ปีเป็นต้นไปแต่เพื่อความปลอดภัย และเพื่อให้เซลล์ผิวได้เจริญเติบโตเต็มที่เสียก่อนอายุที่เหมาะกับการเริ่มฉีดวิตามินผิว ควรมีอายุ 18 ปีเป็นต้นไปจึงจะดีที่สุด

7.คนสีผิวคล้ำโดยกำเนิด เมื่อฉีดวิตามินผิวแล้วจะช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้จริงไหม

การฉีดวิตามินผิวเพื่อต้องการความขาวกระจ่างใส ในคนที่มีสีผิวคล้ำโดยกำเนิดอยู่แล้ว ไม่สามารถฉีดแล้วสีผิวขาวจนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ แต่จะลดความหมองคล้ำจากเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้สีผิวสว่างขึ้นในระดับหนึ่ง และมีสีผิวที่สม่ำเสมอ เรียบเนียนขึ้น

8.ผลข้างเคียงที่พบได้ปกติ หลังฉีดวิตามินผิว

อาการข้างเคียงปกติหลังฉีดวิตามินผิว ที่พบได้บ่อยคือ ผิวช้ำ หรือผิวมีจุดแดงๆ บริเวณที่ถูกเข็มฉีดยาเท่านั้น ซึ่งจะค่อยๆ หายเป็นปกติหลังฉีดประมาณ 3-4 วัน

9.อาการผิดปกติ หลังฉีดวิตามินผิว เป็นอย่างไร

หลังฉีดวิตามินผิว และเกิดอาการผิดปกติต่อไปนี้ ถือว่าเป็นอาการแพ้สารวิตามิน และอาจเป็นอันตรายต่อผิวหนังและร่างกาย ต้องเข้าพบแพทย์โดยด่วน

Advertisement
  • วิงเวียนศีรษะ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ปวดท้องรุนแรง
  • ท้องเสีย หรือท้องผูก
  • เป็นผื่นแดง รู้สึกคันผิวหนัง
  • ปวดแสบปวดร้อนที่ผิว
  • หายใจไม่สะดวก

10.อาการของคนที่ฉีดวิตามินบ่อยเกินไป มีอะไรบ้าง อันตรายหรือไม่

การฉีดวิตามินผิวบ่อย หรือถี่จนเกินไป ย่อมเป็นอันตรายต่อผิวและร่างกายอย่างแน่นอน เนื่องจากร่างกายได้รับสารวิตามินมากเกินความจำเป็น และจะส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติดังนี้

  • ปวดศีรษะ หรือเวียนหัว
  • ปวดกล้ามเนื้อ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
  • สีผิวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หรือสีส้ม
  • ตาพร่ามัว หรือไวต่อแสง
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ท้องผูก
  • ท้องเสีย

11.ก่อนฉีดวิตามินผิว ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

หัตถการฉีดวิตามินผิว ไม่มีอะไรที่ยุ่งยาก และใช้เวลาในการทำประมาณ 40 นาที แต่สิ่งที่ผู้เข้ารับบริการควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดวิตามินผิวมีดังนี้

  • ศึกษาข้อมูลคลินิกที่จะเข้ารับบริการ

หากเลือกเข้ารับบริการฉีดวิตามินผิวกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน มีความเสี่ยงที่จะได้รับตัวยาหรือสารวิตามินที่ไม่ผ่านการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยจาก อย. หรือผสมตัวยากับน้ำเกลือ เพื่อลดต้นทุน ซึ่งจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายตามมาได้

  • แจ้งโรคส่วนตัวและยาที่รับประทานอยู่ เพื่อให้แพทย์ทราบและประเมินการใช้วิตามินให้เหมาะสมกับเรามากที่สุด และป้องกับผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์หลังฉีดวิตามินผิว
  • แจ้งปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข

เพื่อที่คุณหมอจะได้เลือกวิตามินในการฉีดได้อย่างเหมาะสมกับปัญหาผิวของเรา และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ตอบโจทย์ปัญหาตามที่เราต้องการมากที่สุดด้วย

12.ฉีดวิตามินผิว ราคาเท่าไหร่

สำหรับค่าบริการหัตถการฉีดวิตามินผิวที่ดีจะต้องมีความสมเหตุสมผลกับคุณภาพประกอบกันอยู่ด้วย โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 2,000 บาทเป็นต้นไปต่อ 1 ครั้ง และเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนต้องฉีดซ้ำ 5 ครั้ง เป็นอย่างต่ำ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000 – 20,000 บาท

สรุป การมีผิวขาวกระจ่างใส ไม่ได้หมายความว่าจะมีผิวที่แข็งแรง สุขภาพดี หรือไม่เกิดโรคภัยเสมอไป ดังนั้นหากใครที่กำลังมีปัญหาผิวหมองคล้ำ มีจุดด่างดำ หรือผิวแพ้ง่าย ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการฉีดวิตามินผิว ควรเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และประเมินการใช้สารวิตามินอย่างถูกต้องและเหมาะสม

Advertisement
Continue Reading
Advertisement