Connect with us

ข่าว

PewDiePie-เกมเมอร์ยุโรป ตบเท้า “Stop Killing Games” ลงชื่อขับเคลื่อนเกมดีๆยุคใหม่ให้เล่น Offline-เปิดเซิร์ฟเล่นกันเองได้

Published

on

การเคลื่อนไหว Stop Killing Games มียอดผู้ลงนามกว่า 9 แสนรายชื่อ จ่อเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภายุโรป เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ผู้บริโภคและป้องกันการปิดเกมที่ซื้อไปแล้ว โดย Ross Scott ผู้ก่อตั้งและได้รับการสนับสนุนจากคนดังในวงการ

สำนักข่าวบริคอินโฟ – การเคลื่อนไหว “Stop Killing Games” ซึ่งเป็นแคมเปญเรียกร้องสิทธิ์ของผู้บริโภคในอุตสาหกรรมวิดีโอเกม ได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลาม โดยมียอดผู้ลงนามในคำร้องทะลุ 993,000 รายชื่อแล้ว (ตามเวลาไทย 20.10 น.) และกำลังมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย 1,000,000 รายชื่อที่จำเป็น เพื่อนำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภายุโรป (European Parliament) โดยการเคลื่อนไหวนี้เริ่มขึ้นในปี 2567 และได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

แคมเปญ Stop Killing Games เป็นการเคลื่อนไหวของผู้บริโภคที่ต้องการท้าทายความชอบธรรมของการที่ค่ายเกมยุติการให้บริการเกมต่าง ๆ หรือการปิดเซิร์ฟเวอร์ และทำให้ผู้เล่นที่ซื้อเกมมาแล้วไม่สามารถเข้าเล่นเกมที่ตัวเองซื้อมาได้ แม้ว่าจะมีไฟล์อยู่ในเครื่องก็ตาม เว็บไซต์ของแคมเปญดังกล่าวมองว่า สร้างความเสียหายต่อผู้บริโภค

Ross Scott (รอสส์ สก็อตต์) ผู้สร้างช่อง YouTube ชื่อ Accursed Farms เป็นผู้ริเริ่มการเคลื่อนไหวนี้เมื่อเดือนเมษายน 2567 หลังจากที่ Ubisoft (ยูบิซอฟต์) ได้ปิดบริการเกม The Crew (เดอะ ครูว์) รวมถึงแนวโน้มที่สตูดิโอพัฒนาเกมหลายแห่งทำให้วิดีโอเกมที่ผู้เล่นจ่ายเงินซื้อไปแล้วไม่สามารถเล่นได้ตามความสะดวกของตน โดยไม่มีการคืนเงิน หรืออย่างน้อยก็ไม่มีการเก็บรักษาข้อมูลในเกมไว้ให้เล่นในรูปแบบเล่นเองคนเดียว (single-player)

หลังจากผ่านพ้นหนึ่งปีที่เต็มไปด้วยคำร้องที่ไม่ประสบความสำเร็จ การเคลื่อนไหวก็ขยายวงกว้างขึ้นเมื่อได้รับการสนับสนุนจากบุคคลในวงการอินเทอร์เน็ตที่มีชื่อเสียง เช่น PewDiePie (พิวดีพาย) และ Moist Critical (มอยส์ คริติคอล) ทำให้มียอดผู้ลงนามเพิ่มขึ้นหลายแสนรายชื่อภายในเวลาไม่กี่วัน

ปัจจุบัน คำร้องมียอดผู้ลงนามมากกว่า 993,000 รายชื่อ (ตามเวลาไทย 20.10 น.) และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกนาที ซึ่งทำให้การบรรลุเป้าหมาย 1,000,000 รายชื่อเป็นเรื่องของ “เมื่อไหร่” ไม่ใช่ “หรือไม่”

Advertisement

เมื่อถึงจุดนั้น รอสส์ สก็อตต์ จะมีโอกาสนำเสนอการริเริ่มนี้ต่อคณะกรรมาธิการยุโรป และกล่าวในการพิจารณาคดีสาธารณะใน รัฐสภายุโรป ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสอย่างมีนัยสำคัญในการที่เป้าหมายหลักของการเคลื่อนไหวนี้ คือ การบังคับให้สตูดิโอเกมต้องคงสภาพเกมให้สามารถเล่นได้ต่อแม้ว่าเซิร์ฟเวอร์อย่างเป็นทางการจะปิดไปแล้ว ก็จะกลายเป็นกฎหมาย อย่างน้อยก็ในสหภาพยุโรป และประเทศอื่น ๆ ก็อาจได้รับอานิสงส์ตามไปด้วยเช่นเดียวกับกฎหมายที่บังคับให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะจำหน่ายในยุโรปต้องใช้ USB Type-C เป็นต้น

อย่างไรก็ตามการล่ารายชื่อในแคมเปญนี้จำกัดเฉพาะประชาชนในสหภาพยุโรปเท่านั้น