Connect with us

ข่าว

สาวลำพูน พร้อมเพื่อนร้อง ตร.ภาค 5 ถูกหลอกร่วมลงทุนแชร์เครื่องสำอาง

สาวลำพูน พร้อมเพื่อน ร้อง ตร.ภาค 5 ถูกหลอกร่วมลงทุนแชร์เครื่องสำอาง เปิดโรงแรมหรูจัดสัมมนาระดมทุน อ้างมีดาราดังหลายคนร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์ สูญเงินกว่า 500 ล้านบาท

Published

on

ผู้สื่อข่าว : นิวัตร ธาตุอินจันทร์ ผู้สื่อข่าวเชียงใหม่
เรียบเรียง : กองบรรณาธิการ Brickinfo

เมื่อวันที่  2 กรกฎาคม 62 เวลา 09.30 น. นางสาวสายทิพย์​ ทองกูล​ อายุ 34 ปี ชาว จ.ลำพูน พร้อมกลุ่มผู้เสียหาย   นำหลักฐานเข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร ผู้บังคับการสืบสวน และ พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รองผู้บังคับการสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5  จ.เชียงใหม่  เพื่อดำเนินคดีกับนางสาวตุ๊กกี้   ชาว จ.เพชรบุรี หลังเข้ามาชักชวนให้ร่วมลงทุนธุรกิจผลิตเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ “AREEYAS” โดยมีประชาชนที่หลงเชื่อและถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนทั่วประเทศผ่านแม่ข่ายมีมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เฉพาะกลุ่มผู้เสียหายในภาคเหนือ 200 คน มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 181 ล้านบาทขณะที่ พล.ต.ต.สุรพล ได้พูดคุยซักถามรายละเอียดจากผู้เสียหายถึงขั้นตอนและวิธีการที่ผู้ถูกกล่าวหาได้เข้ามาชักชวนให้ทั้งหมดร่วมลงทุน ก่อนจะรับเรื่องร้องเรียนไว้และมอบหมายให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายที่เข้าร้องเรียนในครั้งนี้

  นางสาวสายทิพย์  กล่าวว่า   ตนเองถูกนางสาวตุ๊กกี้ชักชวนให้ร่วมลงทุนผลิตเครื่องสำอางตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2561  โดยนางสาวตุ๊กกี้ได้ลงทุนเช่าโรงแรมหรูแห่งหนึ่งที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเชิญผู้ร่วมลงทุนไปประชุมสัมมารับฟังแผนการลงทุน  นอกจากนี้ยังมีการนำภาพถ่ายของดาราที่มีชื่อเสียงหลายคนมาใช้ในภาพโฆษณาสินค้า โดยอ้างว่าดาราเหล่านั้นรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเครื่องสำอาง จนทำให้เกิดความน่าเชื่อถือตนเองจึงนำเงินส่วนตัวร่วมลงทุนด้วยครั้งแรก 7 แสนบาท และครั้งที่สองลงทุนเพิ่ม 2 ล้านบาท ช่วง 1- 2 เดือนแรกก็ได้รับผลตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ แต่หลังจากนั้นในเดือนพฤศจิกายนนางสาวตุ๊กกี้ก็เริ่มจ่ายผลตอบแทนล่าช้า เมื่อติดตามทวงถามก็บ่ายเบี่ยงและอ้างสารพัด จนสุดท้ายไม่ได้รับเงินปันผล ทำให้ตนเองสูญเงินลงทุนไปรวมกว่า 20 ล้านบาท

นอกจากตนเองแล้วยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน สูญเงินตั้งแต่หลักแสนจนถึงหลักล้านบาท ผู้เสียหายทั้งหมดจึงรวมตัวเข้าแจ้งความไว้ที่กองปราบปรามเพื่อดำเนินคดีกับนางสาวตุ๊กกี้   ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างไรก็ตามปรากฏว่าในระหว่างนี้ยังพบว่านางสาวตุ๊กกี้ ยังมีพฤติกรรมไปหลอกลวงชักชวนประชาชนให้ร่วมลงทุนในธุรกิจผลิตเครื่องสำอางอยู่  ล่าสุดพบว่ามีผู้ถูกหลอกร่วมลงทุนสูญเงินไปกว่า 45 ล้านบาท ขณะที่นางสาวตุ๊กกี้กลับใช้ชีวิตหรูหรา มีการอัปเดสการซื้อสินค้าราคาแพง เช่น รถหรูป้ายแดงผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว   เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง กลุ่มผู้เสียหายจึงเข้าร้องเรียนกับตำรวจภาค 5 อีกครั้ง เพื่อดำเนินคดีกับนางสาวตุ๊กกี้ พร้อมแจ้งเตือนไปยังประชาชนไม่ควรหลงเชื่อ หากถูกชักชวนให้นำเงินไปลงทุนผลิตเครื่องสำอาง โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง

สำหรับรูปแบบการชักชวนให้ร่วมลงทุนผลิตเครื่องสำอาง นางสาวสายทิพย์ ระบุว่า   นางสาวตุ๊กกี้จะแจ้งให้ผู้ร่วมลงทุนทราบว่า จะมีการผลิตเครื่องสำอางชนิดต่างๆขึ้นมาประมาณ 20 ชนิด เช่น ครีมว่านหางจรเข้ โดยจะนำภาพกราฟฟิกที่ทำขึ้นมาแสดงให้ดู แต่เมื่อระดมทุนไปได้กลับไม่มีการผลิตสินค้าออกมาจริง  หรือผลิตมาเพียง 3 ชนิดจากที่แจ้งไว้ว่าจะผลิตทั้งหมด 20 ชนิดส่วนผลตอบแทนที่จะได้รับ หากลงทุน 1 พันชิ้น จะได้รับผลตอบแทนชิ้นละ 28 บาท รวม 1 พันชิ้น จะได้รับผลตอบแทน 2.8 หมื่นบาท โดยนางสาวตุ๊กกี้จะนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ผลิตขึ้นมาไปกระจายขายที่ภาคใต้ ยิ่งลงทุนเยอะก็จะได้รับผลตอบแทนมากตามเม็ดเงินที่ลงทุนไป ซึ่งช่วงแรกก็ได้รับผลตอบแทนจริงตามที่ตกลงกันไว้ แต่ภายหลังเริ่มไม่ได้และมีการบ่ายเบี่ยงว่า โรงงานผลิตสินค้าส่งให้ไม่ทัน แต่เมื่อสอบถามไปที่โรงงานปรากฏว่า ไม่ได้มีการผลิตสินค้าจริงตามที่นางสาวตุ๊กกี้กล่าวอ้าง

ขณะที่นางสาวตุ๊กกี้ เมื่อถูกลูกทีมและผู้ร่วมลงทุนติดตามทวงถามเงินปันผล  ก็มักมีการไลฟ์ผ่านเฟซบุคกับลูกทีม โดยนำทรัพย์สินเช่นโฉนดที่ดินมาการันตีว่า ไม่ได้หลบหนีไปไหน  เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือด้าน พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า กรณีการชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนในลักษณะของแชร์ลูกโซ่ โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันยังพบว่ามีผู้หลงเชื่อร่วมลงทุนจนเกิดความเสียหายขึ้นอยู่ต่อเนื่อง จึงขอแจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะการลงทุนในธุรกิจที่มีผลตอบแทนสูงเกินความเป็นจริงนั้นไม่มีอยู่จริง ขณะที่กรณีนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งสอบปากคำผู้เสียหายที่อยู่ในภาคเหนือ พร้อมประสานกับหน่วยงานเกี่ยวข้องที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายกับผู้กระทำผิดต่อไป