ข่าว
วธ. เปิดงาน “ไหลเรือไฟโบราณ” นครพนม เชื่อมสัมพันธ์ ไทย-ลาว ชูเป็น “เรือไฟโลก” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแนวคิด “ไท ไทย”
นางสาวชาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ไหลเรือไฟโบราณสักการะบูชาพระธาตุพนม ประจำปี ๒๕๖๘ ณ บริเวณลานชมโขง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานประเพณีเก่าแก่และเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงนโยบายของรัฐบาลในการใช้ “พลังวัฒนธรรม” เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นและยกระดับงานประเพณีให้ก้าวสู่ระดับนานาชาติ ภายใต้แนวคิด “ไท ไทย”

พิธีดังกล่าวมี นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยรักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะผู้บริหาร กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) และประชาชนเข้าร่วม โดยมีกิจกรรมสำคัญ เช่น พิธีเจริญพระพุทธมนต์ การถวายปัจจัยไทยธรรม และพิธีจ้ำเคราะห์ ตามความเชื่อโบราณเพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิต จากนั้น นางสาวชาบีดา ไทยเศรษฐ์ ได้เป็นประธานร่วมในพิธีปล่อย เรือไฟโบราณ เพื่อขอขมาพระแม่คงคาและนำสิ่งที่ไม่ดีไหลไปกับสายน้ำ ซึ่งมีการปล่อย ไข่พญานาค, กะโป๊ว และเรือไฟโบราณรวม ๑๒ ลำ ตาม ๑๒ นักษัตร เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์สองฝั่งโขง ไทย-สปป.ลาว พร้อมมีการแสดง ฟ้อนรำ จากกลุ่มแม่บ้านอำเภอธาตุพนม

นางสาวชาบีดา ไทยเศรษฐ์ กล่าวถึงการจัดงานว่า “รัฐบาลมุ่งมั่นผลักดันวัฒนธรรมไทยให้ก้าวสู่ระดับนานาชาติ แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ ความงดงามและพลังศรัทธาของคนไทย การจัดงานมหกรรม ไหลเรือไฟโลก ในปีนี้ ไม่ได้เป็นเพียงงานประเพณีเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนศักยภาพของประเทศไทยในการใช้พลังวัฒนธรรม เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างการฟื้นฟูและกระตุ้นรายได้ กระจายสู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม ยังสอดคล้องกับการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม ภายใต้แนวคิด “ไท ไทย” คือเปลี่ยนพลังวัฒนธรรมให้กลายเป็นรายได้จริง… ดิฉันเชื่อว่า การผลักดันและยกระดับเทศกาลเรือไฟสู่เรือไฟโลก จะสอดคล้องและช่วยขับเคลื่อนกับนโยบายด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ภายใต้วิสัยทัศน์ สืบสาน สร้างสรรค์ นำวัฒนธรรมไทย สู่อนาคตอย่างยั่งยืน ส่งเสริม “ROOT to RICH หรือ จากรากเหง้า สู่รายได้ ภายใต้แนวคิด “ไท ไทย” ในการยกระดับคุณค่าชุมชน ขยายผลสู่ระดับประเทศ และต่อยอดสู่การแข่งขันบนเวทีโลกได้อย่างดี”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ยังได้กล่าวชื่นชมการจัดงานประเพณีนี้ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ที่มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนานของชาว จังหวัดนครพนม และ แขวงคำม่วน สปป.ลาว โดยจัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา ด้วยความเชื่อเพื่อบูชารอยพระพุทธบาทริมฝั่งแม่น้ำโขง บูชาพญานาค สำนึกในพระคุณ พระแม่คงคา และขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความสงบร่มเย็นของประชาชนริมโขงทั้งสองฝั่ง พร้อมทั้งระบุว่าการปล่อยเรือไฟ ๑๒ ลำในครั้งนี้ “เป็นการสะท้อนถึงความร่วมมือ และสายใยทางวัฒนธรรมที่แน่นแฟ้นของประชาชนทั้งสองประเทศ”

วธ. ยืนยันว่าจะเดินหน้าส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ของจังหวัดนครพนมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการใช้ทุนทางวัฒนธรรม และ ความคิดสร้างสรรค์ มาต่อยอดให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ผลักดันกิจกรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น เช่น ประเพณีไหลเรือไฟ, การแสดงพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย ให้เป็นจุดขาย นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการผลักดัน พระธาตุพนม สู่การขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก เพื่อยกระดับจังหวัดนครพนมให้เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของภูมิภาคอย่างยั่งยืน

