Connect with us

ข่าว

“คนละครึ่ง พลัส” ผ่านแล้ว! วงเงิน 4.4 หมื่นล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี จะได้ใช้ตั้งแต่ 29 ต.ค.นี้

Published

on

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการคนละครึ่ง พลัส วงเงิน 44,000 ล้านบาท เพื่อลดค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยปลายปี 2568 โดยผู้ยื่นภาษีปี 67 ได้รับ 2,400 บาท เปิดลงทะเบียนประชาชน 20-26 ต.ค. 68

สำนักข่าวบริคอินโฟ – คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการ คนละครึ่ง พลัส (Kon La Krueng Plus) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ด้วยวงเงินงบประมาณไม่เกิน 44,000 ล้านบาท สำหรับกลุ่มเป้าหมายไม่เกิน 20 ล้านคน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดภาระค่าครองชีพ สร้างกำลังซื้อ และกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2568 ที่คาดว่าจะชะลอตัว โครงการฯ กำหนดให้ภาครัฐร่วมจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน โดยจะเริ่มให้ประชาชนใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการนี้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการสร้างรายได้และลดรายจ่ายให้กับประชาชน เพื่อเพิ่มกำลังในการจับจ่ายใช้สอย โดยรัฐบาลเล็งเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวในระดับต่ำกว่าศักยภาพและค่าเฉลี่ยในอดีต เนื่องจากกำลังซื้อและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังเปราะบาง และภาระหนี้ครัวเรือนสูง จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการฯ เพื่อเพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ และเป็นหลักประกันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าโครงการจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจรวมประมาณ 88,000 ล้านบาท และช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ประมาณร้อยละ 0.22

ใครได้ คนละครึ่ง พลัส เท่าไหร่บ้าง ?

สำหรับรายละเอียดโครงการ คนละครึ่ง พลัส มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

  1. ประชาชนผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90, ภ.ง.ด. 91, ภ.ง.ด. 95) ของปีภาษี 2567 จะได้รับวงเงินสิทธิไม่เกิน 2,400 บาทต่อคน และประชาชนทั่วไปที่ได้รับวงเงินสิทธิไม่เกิน 2,000 บาทต่อคน โดยกำหนดวงเงินสิทธิของผู้ที่ยื่นแบบภาษีสูงกว่าประชาชนทั่วไปเพื่อเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องมีสัญชาติไทย มีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันลงทะเบียน มีบัตรประจำตัวประชาชน
  2. ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงไม่ถูกระงับสิทธิจากโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 1-5 โดยจะเริ่มเปิดรับลงทะเบียนร้านค้าตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2568 และเปิดรับลงทะเบียนประชาชนตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ถึง 26 ตุลาคม 2568

คนละครึ่ง พลัส ใช้ซื้ออะไรได้บ้าง ?

การใช้สิทธิในโครงการฯ ประชาชนสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่ 29 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2568 เพื่อซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนดจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

ส่วนสำหรับการซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) จะสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป

Advertisement

นอกจากนี้ ครม. ยังได้เห็นชอบในหลักการให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับสิทธิที่ประชาชนได้รับตามโครงการฯ ด้วย ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางจะดำเนินการโอนเงินส่วนที่รัฐร่วมจ่ายให้แก่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ตามระยะเวลาที่กำหนด

โดยการดำเนินโครงการฯ จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพในชีวิตประจำวันให้แก่ประชาชนเพื่อให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ตลอดจนเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศในช่วงปลายปี 2568 ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการดำเนินโครงการฯ จะทำให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวนประมาณ 88,000 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.22 ซึ่งสอดคล้องกับ

นโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดค่าครองชีพให้พี่น้องประชาชน ให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและทั่วถึง และที่สำคัญคือ มุ่งหวังให้เศรษฐกิจไทยกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

คลังฯ ยัน คนละครึ่ง พลัส ไม่เชื่อมกับสรรพากรเพื่อตรวจสอบรายได้

ในส่วนของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ยืนยันว่า ข้อมูลโครงการฯ ไม่ได้มีการเชื่อมต่อระบบกับกรมสรรพากรเพื่อตรวจสอบรายได้ของผู้ประกอบการแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามกฎหมายเมื่อมีเงินได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ที่กำหนด

Advertisement

นอกจากนี้ ในระยะต่อไปภาครัฐอาจมีการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ มีการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) เช่น ด้านความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) หรือด้านดิจิทัล (Digital Literacy) เพื่อสร้างทักษะในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการบริหารจัดการต้นทุน ซึ่งร้านค้าที่พัฒนาสำเร็จอาจได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในอนาคต


Continue Reading
Advertisement