ข่าว
แบรนด์แฟชั่นไทยเติบโตบนโลกอีคอมเมิร์ซ เผยกลยุทธ์มัดใจนักช้อป Gen Z และกลุ่ม Older Shopper
สำนักข่าวบริคอินโฟ – ผลสำรวจจาก KANTAR เผยพฤติกรรมนักช้อปออนไลน์ในกลุ่ม Gen Z และ Older Shopper มีแนวโน้มการซื้อสินค้าแฟชั่นสูงขึ้น โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 500 – 1,500 บาท และมักใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเป็นช่องทางหลักในการเลือกซื้อสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Shopee ที่มีฐานผู้ใช้งานจำนวนมาก และกลายเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับแบรนด์แฟชั่นไทยในการเติบโตในยุคดิจิทัล จากข้อมูลพบว่าแบรนด์แฟชั่นไทยหลายรายสามารถสร้างยอดขายและขยายฐานลูกค้าได้อย่างน่าสนใจ โดยใช้กลยุทธ์ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและใช้เครื่องมือทางการตลาดของแพลตฟอร์มอย่างมีประสิทธิภาพ
Fashion Store แบรนด์เสื้อผ้าสำหรับคนวัยทำงาน เริ่มต้นจากความต้องการส่วนตัวของเจ้าของแบรนด์ที่มองเห็นช่องว่างในตลาดชุดทำงานคุณภาพดีและราคาเข้าถึงได้ ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วย “ชุดเซ็ท” ที่มีราคา 1,000 – 1,500 บาท ปัจจุบันแบรนด์มียอดขายต่อเดือนสูงถึง 7 หลัก และมียอดขายรวมต่อปีมากกว่า 10 ล้านบาท การตัดสินใจเข้าสู่แพลตฟอร์ม Shopee ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นการพลิกเกมสำคัญ โดยยอดขายในเดือนแรกพุ่งสูงขึ้นทันที และในปัจจุบันยอดขายจากแพลตฟอร์มนี้คิดเป็น 60% ของยอดขายทั้งหมด โดยเจ้าของแบรนด์เผยว่าปัจจัยความสำเร็จมาจากคุณภาพสินค้า แพทเทิร์นที่สวยงาม และบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ รวมถึงการใช้เครื่องมือของ Shopee อย่างเต็มที่ เช่น โค้ดส่งฟรี, โค้ดส่วนลด, Flash Sale, Shopee Live, Shopee Coin และ Shopee Ads ซึ่งถือเป็นเครื่องมือหลักที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด นอกจากนี้ การเข้าร่วมแคมเปญลดราคาต่างๆ ยังช่วยเพิ่มยอดขายในช่วงแคมเปญเลขเบิ้ลได้สูงถึง 2 เท่า
อีกหนึ่งแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จคือ NIPPERISDABEST ซึ่งเริ่มต้นจากการสั่งสมประสบการณ์ขายของออนไลน์มานานกว่า 9 ปี และนำคำแนะนำจากลูกค้ามาพัฒนาสินค้าเป็นของตัวเอง แบรนด์นี้ขึ้นชื่อเรื่อง กางเกงยีนส์ ที่เน้นความจริงใจกับลูกค้า ด้วยการใช้เลขเอวแทนไซส์ S, M, L เพื่อลดความกังวลเรื่องขนาด และใช้ซิปที่ยาวกว่าปกติเพื่อให้สวมใส่สะดวก รวมถึงการออกแบบที่ช่วยพรางหุ่นให้ลูกค้ามั่นใจยิ่งขึ้น แม้ช่วงแรกที่เปลี่ยนจากการรับมาขายเป็นการผลิตเองจะทำให้ยอดขายตก แต่ด้วยความมุ่งมั่นในคุณภาพ ทำให้แบรนด์สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น ปัจจุบัน NIPPERISDABEST มียอดขายปีล่าสุดประมาณ 9 ล้านบาท และสามารถขายกางเกงยีนส์ได้เฉลี่ย 1,000-2,000 ตัวต่อเดือน โดยยอดขายเกือบ 60% มาจากแพลตฟอร์ม Shopee ซึ่งเจ้าของแบรนด์มองว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง โดยปัจจัยความสำเร็จหลักมาจากการ ไลฟ์สด ที่ช่วยกระตุ้นการซื้อและเพิ่มการมองเห็น รวมถึงการใช้ Shopee Video และ Shopee Ads อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์แฟชั่นอีก 4 แบรนด์ที่น่าสนใจและประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์ม Shopee ได้แก่ Rally Movement (แบรนด์เสื้อผ้าและกระเป๋าที่เน้นความคลาสสิก), TWOTWICE (แบรนด์เสื้อผ้าที่ชูแนวคิด Timeless & Genderless), WARA (แบรนด์ที่โดดเด่นเรื่องกางเกงยีนส์สำหรับสรีระคนไทย) และ AIMER (แบรนด์เสื้อผ้า Everyday Essentials) ซึ่งทุกแบรนด์ต่างมีจุดร่วมในความสำเร็จคือ การเข้าใจกลุ่มลูกค้าและเติมสต็อกสินค้าอย่างต่อเนื่อง, การใช้เครื่องมือของ Shopee อย่างครบถ้วน และการนำเสนอสินค้า ราคา และโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะการเข้าร่วมแคมเปญใหญ่ๆ เช่น แคมเปญวันเลขเบิ้ล (Double Date), Mid Month และ PayDay ซึ่งช่วยเพิ่มยอดขายและดึงดูดลูกค้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำเร็จของแบรนด์แฟชั่นไทยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าการปรับตัวเข้ากับยุคดิจิทัลและการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างเข้าใจ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืนในปัจจุบัน การสร้างแบรนด์ที่จริงใจ มีเอกลักษณ์ และเน้นคุณภาพสินค้าที่โดดเด่น ควบคู่ไปกับการใช้เครื่องมือทางการตลาดของแพลตฟอร์มอย่างเต็มศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์สด, การนำเสนอวิดีโอ หรือการโฆษณา ล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนยอดขายและสร้างการเติบโตที่มั่นคงให้กับธุรกิจในระยะยาว
