Connect with us

การเมือง

นโยบายภาษียุคทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชีย ไทยโดนเรียกเก็บ 19%

Published

on

สำนักข่าวบริคอินโฟ – รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้นโยบายภาษีศุลกากรใหม่ในชื่อ “ภาษีต่างตอบแทน” (reciprocal tariffs) ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายประเทศในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน (ASEAN) โดยมีการปรับลดและเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการจัดลำดับความสัมพันธ์ทางการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้นโยบายดังกล่าว และยังรวมถึงมาตรการที่เข้มงวดสำหรับสินค้าที่พยายามหลีกเลี่ยงภาษีด้วย

ในกลุ่มประเทศอาเซียน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย, กัมพูชา, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ ได้รับการปรับลดอัตราภาษีนำเข้าลงเหลือ 19% จากอัตราเดิมที่สูงกว่ามาก เช่น ไทยและกัมพูชาที่เคยถูกเรียกเก็บภาษีถึง 36% ทำให้รัฐบาลของประเทศเหล่านี้มองว่าเป็นการบรรลุข้อตกลงที่น่าพอใจ ขณะที่ เวียดนาม ถูกเรียกเก็บในอัตราที่สูงกว่าเล็กน้อยที่ 20% และ บรูไน ที่ 25% ส่วน สิงคโปร์ ได้รับอัตราภาษีที่ต่ำที่สุดในกลุ่มอาเซียนที่ 10% อย่างไรก็ตาม ลาว และ เมียนมา เป็นสองประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยต้องเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงถึง 40%

สำหรับประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย อินเดีย ถูกเรียกเก็บภาษี 25% พร้อมกับการพิจารณาบทลงโทษเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการซื้อน้ำมันและยุทโธปกรณ์จากรัสเซีย ปากีสถาน ถูกเรียกเก็บภาษี 19% และมีการบรรลุข้อตกลงทางการค้าบางส่วนที่เกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำมัน ในขณะที่ ไต้หวัน, บังกลาเทศ, ศรีลังกา ถูกเรียกเก็บในอัตราเท่ากันที่ 20%

ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ เป็นประเทศที่ได้รับการยกเว้นอัตราภาษีบางส่วนจากการทำข้อตกลงทางการค้าใหม่ โดยเฉพาะเกาหลีใต้ที่ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 15% ซึ่งลดลงจากที่เคยถูกขู่ไว้ที่ 25%

นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้กำหนดมาตรการที่เข้มงวดเป็นพิเศษสำหรับสินค้าที่ใช้การ “ถ่ายโอนสินค้า” (transshipment) ผ่านประเทศที่สามเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งสินค้าเหล่านี้จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงถึง 40%

Advertisement
Continue Reading
Advertisement