Connect with us

ข่าว

อาเซียนเร่งเครื่องเศรษฐกิจดิจิทัล ไทยเสี่ยงตามเวียดนามไม่ทัน แนะรัฐบาลเร่งวางกลยุทธ์

Published

on

ผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติเผยกลุ่มประเทศอาเซียนกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ไทยยังตามหลังเวียดนาม แนะรัฐบาลเร่งวางกลยุทธ์และพัฒนาบุคลากรเพื่อรับมือการแข่งขันในยุคดิจิทัล

สำนักข่าวบริคอินโฟ – กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนกำลังเร่งขับเคลื่อนนโยบาย เศรษฐกิจดิจิทัล อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยมีภาครัฐเป็นแกนหลักในการผลักดัน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าประเทศไทยยังคงตามหลัง เวียดนาม ในการพัฒนาด้านนี้ ขณะที่ตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนของไทยได้ร่วมกันระดมสมองเพื่อวาง 8 แนวทาง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศ

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) และ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “Call to Action: Learning from the Best Practices” เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีจากผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ งานนี้มีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการกว่า 50 คน จากหลากหลายหน่วยงานเข้าร่วม อาทิ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.), หอการค้าสิงคโปร์-ไทย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ซิกเนเจอร์ โรโบติกส์ จำกัด โดยมีเป้าหมายเพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางในการยกระดับ ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล หรือ World Digital Competitiveness Ranking (WDCR) รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือเพื่อร่วมกันออกแบบ “Action Plan” เบื้องต้นอย่างมีประสิทธิภาพ

นายคอลินน์ ดินน์ (Mr. Colin Dinn) กรรมการผู้จัดการ บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป แพลติเนียน (BCG Platinion) ได้บรรยายในหัวข้อ “Learning from the World Digital Best Practices” โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ามามีอิทธิพลต่อทั้งภาครัฐและเอกชนในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีนโยบายชัดเจนในการขับเคลื่อนสู่ เศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงประเทศไทย

นายคอลินน์ กล่าวว่า “จากประสบการณ์ของผมในอาเซียน สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยมาเลเซีย และที่น่าแปลกใจคือ อันดับสามคือ เวียดนาม และไทยเป็นอันดับ 4 เศรษฐกิจเวียดนามมีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรในด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว” เขายังเน้นย้ำว่าการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลจำเป็นต้องเริ่มต้นจากนโยบายของรัฐบาลที่มีกลยุทธ์และเป้าหมายที่ชัดเจน รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม เพื่อรองรับเทคโนโลยีและตอบโจทย์การพัฒนาของภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนา มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันโดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชน (Citizen-centric services) รวมถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในการใช้เครื่องมือดิจิทัลและการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเป็น รัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) และ เศรษฐกิจดิจิทัล

Advertisement

นางพรกนก วิภูษณวรรณ ผู้อำนวยการ ศูนย์เพื่อการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ว่าเป็นการเสริมสร้าง ความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากการสัมมนาที่ได้เปิดมุมมองใน 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1) การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร (Digital workforce & Talent) 2) การขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) โดยคำนึงถึงการพัฒนาโครงสร้างและการให้บริการ 3) การนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) มาใช้และการกำกับดูแล และ 4) การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม และ E-commerce นางพรกนกเสริมว่า “เวทีการประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากงานสัมมนา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการระดมสมอง เพื่อนำความคิดเห็นไปใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยไปสู่ เศรษฐกิจดิจิทัล

นางสาวพณัญญา เจริญสวัสดิ์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ดำเนินการประชุมเชิงปฏิบัติการ ได้กล่าวถึงแนวทางการประชุมเชิงปฏิบัติการว่า การขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็น รัฐบาลดิจิทัล และ เศรษฐกิจดิจิทัล ต้องให้ความสำคัญทั้ง 4 ประเด็นหลักที่กล่าวมาข้างต้น โดยทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมกันพิจารณาปัญหาและแนวทางแก้ไข เพื่อจัดทำเป็นแนวปฏิบัติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

จากการระดมความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการใน 4 ประเด็นดังกล่าว ได้มีการนำเสนอวิสัยทัศน์และแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่ เศรษฐกิจดิจิทัล ดังนี้:

  1. ด้านการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร (Digital Workforce & Talent):
    • ส่งเสริมให้คนทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
    • พัฒนาการเรียนรู้แบบ Citizen Centric Digital Learning เพื่อให้คนไทยก้าวสู่การเป็น Global Citizen
    • สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ จัดการแข่งขันระดับประเทศ และให้ทุนการศึกษาเพื่อยกระดับทรัพยากรบุคคลของประเทศ โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และสถานศึกษา
  2. ด้านการพัฒนาสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government):
    • พัฒนารัฐบาลดิจิทัลโดยคำนึงถึงการใช้งานของประชาชน (Citizen Centric) เป็นรัฐบาลที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ในรูปแบบ Smart Service
    • ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
    • ภาครัฐต้องพัฒนาสู่การเป็น Government E-Service มีการจัดทำ Central Data Platform และรวมบริการภาครัฐกว่า 4,600 บริการไว้ในระบบเดียวกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนและให้บริการประชาชนแบบ One Stop Digital Service
    • ส่งเสริมการใช้ Digital ID ในการติดต่อและรับบริการจากภาครัฐ และสร้าง One-E Office เพื่อรวมหน่วยงานที่มีลักษณะงานคล้ายกันให้ทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้พัฒนา Thai GPT สำหรับคนไทย เพื่อช่วยงานภาครัฐและลดขนาดของข้าราชการแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการบริการ
  3. ด้านการนำเทคโนโลยี AI มาใช้และการกำกับดูแล (AI Adoption & Governance):
    • วิสัยทัศน์คือความปลอดภัยในการใช้งาน AI ที่ช่วยเพิ่มความสามารถและประสิทธิภาพของคน
    • คนต้องทำงานกับ AI ในฐานะผู้สั่งการ เพื่อให้ AI ฉลาดขึ้นและตอบโจทย์การพัฒนา
    • พัฒนา AI ที่รองรับการใช้งานของคนทุกวัย (เยาวชนและผู้สูงวัย) โดยภาครัฐควรลงทุนและทำวิจัย
    • สร้างระบบที่ปลอดภัยและมีการกำกับดูแลที่ดี สนับสนุนแนวคิด One Thai One Bot และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน ทั้งในฐานะผู้ใช้งานและผู้พัฒนาเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังควรพิจารณาให้สิทธิพิเศษทางภาษีในการนำเข้าอุปกรณ์พัฒนา AI และสร้างให้คนไทยเป็น “Super Boss” ของ AI ในอนาคต
  4. ด้านการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม:
    • วิสัยทัศน์คือแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย เข้าถึงง่าย และใช้งานง่ายสำหรับทุกคน
    • แพลตฟอร์มต้องมีความสามารถในการแข่งขันและมีการพัฒนาแพลตฟอร์มที่เป็นของคนไทย เนื่องจากปัจจุบันแพลตฟอร์มและ E-commerce ส่วนใหญ่เป็นของต่างชาติ
    • เน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มด้าน การเกษตร, การท่องเที่ยว, วัฒนธรรม และ สุขภาพ (wellness) โดยเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดยคนไทยและเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อขับเคลื่อน เศรษฐกิจดิจิทัล

นางสาวพณัญญา ได้สรุปผลจากการระดมสมองในเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการว่า ข้อคิดและข้อเสนอแนะแนวทางดังกล่าวจะนำไปสู่การพัฒนา เศรษฐกิจดิจิทัล อย่างยั่งยืนของประเทศไทย

Advertisement
Continue Reading
Advertisement