ข่าว
ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กังวลผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หวั่นราคาสินค้าพุ่ง-กระทบเศรษฐกิจ

สำนักข่าวบริคอินโฟ – ผลสำรวจล่าสุดจาก มิลลิว อินไซต์ (Milieu Insight) บริษัทวิจัยตลาดและวิเคราะห์ข้อมูลระดับโลก เผยให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นในหมู่ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อมาตรการภาษีใหม่ที่สหรัฐอเมริกาประกาศใช้กับสินค้านำเข้าจากภูมิภาคนี้ โดยผลการสำรวจชี้ว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นและผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้าง จนเริ่มมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายแล้ว
การศึกษาเชิงปริมาณนี้ดำเนินการโดย มิลลิว อินไซต์ (Milieu Insight) ผ่านกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจำนวน 6,043 คน จาก 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไทย, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม ผลการสำรวจระบุอัตราภาษีใหม่ที่สหรัฐฯ จะเก็บจากสินค้านำเข้า ดังนี้
- เวียดนาม: 46%
- ไทย: 36%
- อินโดนีเซีย: 32%
- มาเลเซีย: 24%
- ฟิลิปปินส์: 17%
- สิงคโปร์: 10%
เจอรัลด์ อัง (Gerald Ang) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ มิลลิว อินไซต์ (Milieu Insight) กล่าวว่า “ผลการสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่าผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มคาดการณ์ถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากมาตรการภาษีใหม่เหล่านี้แล้ว อาจจะมีการปรับราคาสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งหมายความว่าชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย และหันมาให้ความสนใจสินค้าท้องถิ่นมากขึ้นเพื่อทดแทนช่องว่าง การเปลี่ยนแปลงความรู้สึกนี้อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อรูปแบบการบริโภคและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค”
ผลสำรวจยังพบว่า 73% ของผู้ตอบแบบสอบถามใน 6 ประเทศรับทราบถึงมาตรการภาษีดังกล่าว โดยประเทศที่มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อชีวิตประจำวันมากที่สุด ได้แก่
- เวียดนาม: 78%
- ไทย: 75%
- อินโดนีเซีย: 73%
- สิงคโปร์: 72%
- มาเลเซีย: 63% (มีความกังวลน้อยกว่าเมื่อเทียบกัน)
เมื่อถามถึงผลกระทบต่อระดับประเทศ พบว่าชาวไทย 93% เชื่อว่ามาตรการภาษีจะส่งผลเสียต่อประเทศ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในภูมิภาค ขณะเดียวกัน ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 90% คาดการณ์ว่ามาตรการภาษีจะทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงมุมมองนี้ส่งผลให้เกิดการสนับสนุนสินค้าท้องถิ่นมากขึ้น โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
- 87% ของผู้ที่ปกติชื่นชอบแบรนด์ต่างประเทศระบุว่ามาตรการภาษีใหม่นี้ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศมากขึ้น
- เกือบ 4 ใน 5 (75%) กล่าวว่าจะลดการบริโภคสินค้านำเข้าหรือเปลี่ยนไปใช้สินค้าทางเลือกในประเทศ
สำหรับสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้นมากที่สุดคือ กลุ่มสินค้า อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ต่างๆ โดยมีรายละเอียดในแต่ละประเทศดังนี้
- สิงคโปร์: 73% ระบุกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ต่างๆ รองลงมาคือยานยนต์และการขนส่ง (55%) และเครื่องใช้ในครัวเรือน (53%)
- ประเทศอื่นๆ: 63% ระบุว่าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด
ในส่วนของการรับภาระต้นทุนจากมาตรการภาษี พบว่าความคิดเห็นแตกต่างกันไปในแต่ละตลาด โดยประเทศที่มีผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่คาดหวังว่าธุรกิจจะผลักภาระต้นทุนไปสู่ผู้บริโภค ได้แก่
- สิงคโปร์: 59%
- ฟิลิปปินส์: 51%
- มาเลเซีย: 37%
ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ใน ไทย (49%) และ เวียดนาม (48%) คาดหวังว่าธุรกิจจะเสนอส่วนลดและโปรโมชั่นมากขึ้นแทน ความเชื่อมั่นต่อการตอบสนองของรัฐบาลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการภาษีนี้ยังมีความแตกต่างกัน โดยประเทศที่มีความเชื่อมั่นสูงสุด ได้แก่
- เวียดนาม: 81%
- สิงคโปร์: 66%
- มาเลเซีย: 56%
ในขณะที่ประเทศที่มีผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไม่มั่นใจ ได้แก่
- ไทย: 68%
- ฟิลิปปินส์: 61%
สำหรับแนวทางในอนาคต ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เสนอแนะดังนี้
- 42% ต้องการลดการพึ่งพาการนำเข้าจากสหรัฐฯ โดยการขยายอุตสาหกรรมในประเทศ
- 40% เรียกร้องให้มีการควบคุมราคาหรือกฎระเบียบสำหรับสินค้าจำเป็น
- 34% คาดหวังว่ารัฐบาลจะออกมาตรการอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคในประเทศและเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับประเทศอื่นๆ