ข่าว
ทำไม HBO Go ในไทยถึงเปลี่ยนเป็น Max พร้อมมุมมองการขยายตลาดกับพันธมิตรอย่าง AIS
AIS รุกครองตลาดสตรีมมิงไทย ผนึก Warner Bros. Discovery เปิดตัว Max แพลตฟอร์มสตรีมมิงระดับโลก ยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงบนโครงข่ายที่ดีที่สุด สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สุดคุ้มทั้งลูกค้าเน็ตบ้านและมือถือ
- อ่าน : แพลตฟอร์มสตรีมมิง Max เตรียมเปิดตัว 19 พ.ย. พร้อมกับทั่ว เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไต้หวัน และฮ่องกง
- อ่าน : สตรีมมิ่งคึกคัก! AIS ดึง Max เปิดตัวในไทย ส่วน Monomax เอา PARAMOUNT+ มาสู่สายตาคนไทย
Jason Monteiro, APAC Streaming Lead, Warner Bros. Discovery ระบุว่า สาเหตุ Warner Bros. Discovery ตัดสินใจเปลี่ยนการทำการตลาดจาก HBO Go เป็นแพบตฟอร์ม Max เพื่อเปิดกว้างคอนเทนท์ให้มากกว่าแค่คอนเทนต์ภายใต้แบรนด์ HBO เพราะ Warner Bros. Discovery ต้องการส่งคอนเทนท์และเนื้อหาต่างๆที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นมาสู่สายตาผู้ชมชาวไทยมากยิ่งขึ้น อาทิ Harry Potter, Game of Thrones, Rick and Morty , Last of Us , Friends และคอนเทนต์จากช่อง Cartoon Network , Discovery Channel ที่อยู่ในเครือ Warner Bros.
ซึ่งแพลตฟอร์มทั้งหมดจะถูกแปลลงมาเป็นภาษาไทย รวมถึงคอนเทนท์ต่างๆก็จะถูกนำมาแปลเป็นภาษาไทยไม่ว่าจะในรูปแบบซับไตเติ้ลหรือพากย์ไทยในคอนเทนท์ที่ได้รับความนิยม
“หนึ่งพฤติกรรมที่น่าสนใจ คือ พฤติกรรมของผู้ใช้ในประเทศไทยที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนมาก การเปิดตัวในประเทศไทย จึงมีแพคเกจพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ในประเทศไทยที่นิยมชมบนโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะ”
Jason ระบุว่า อนาคตมีแผนที่จะดันคอนเทนท์ของไทยขึ้นบนแฟลตฟอร์มด้วย แต่ ณ ช่วงเปิดตัวจะเน้นไปที่เนื้อหาของ Warner Bros. ก่อน แม้ว่าละครและภาพยนตร์ไทยจะมีความสำคัญมากๆแต่ก็ยังมีเนื้อหาจากฝั่งตะวันตกที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน
แพลตฟอร์ม Max จะเปิดให้บริการในประเทศไทยในวันที่ 19 พ.ย. 2567 โดยไทยเป็น 1 ใน 7 ประเทศและเขตปกครองพิเศษที่ Warner Bros. Discovery เลือกที่จะเปิดให้บริการก่อนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
โดยวิธีการล็อกอิน แพลตฟอร์ม Max จะใช้เพียงหมายเลขโทรศัพท์มือถือเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในการลงชื่อเข้าใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย (คล้ายกับ Disney+ Hotstar)
นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ หัวหน้าส่วนงาน AIS PLAY กล่าวว่า “ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล เรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา Digital Infrastructure เพื่อเป็นรากฐานในการส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัล และยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดยในปัจจุบัน เครือข่ายของ AIS 3BB Fibre 3 ครอบคลุมแล้วมากกว่า 13 ล้านครัวเรือน ด้วยฐานลูกค้ากว่า 4.9 ล้านราย และ เครือข่าย AIS 5G ที่ครอบคลุมแล้วมากกว่า 95% ของพื้นที่ประชากรกับฐานลูกค้ากว่า 46.3 ล้านราย โดยมีลูกค้า 5G ที่ 11 ล้านราย ซึ่งกลุ่มลูกค้าทั้งหมดนั้นมีความชื่นชอบคอนเทนต์ที่หลากหลาย ที่ผ่านมาเราจึงมุ่งเน้นคัดสรรคอนเทนต์คุณภาพจากพันธมิตรทั้งในระดับ Local และ Global ผ่าน AIS PLAY ในฐานะ Streaming Platform ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ดีในการรับชมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางบนเครือข่ายคุณภาพ ทั้งเน็ตบ้านและมือถือ”
“ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทย แบ่งเป็น ใช้จากโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ราว 63% และอีกครึ่งหนึ่งเป็นคอมพิวเตอร์และอื่นๆ โดยเป็นไปตามพฤติกรรมของผู้ใช้ในภูมิภาคนี้ แต่ก็นับว่าแตกต่างจากฝั่งตะวันตกที่อยู่ที่ราว 50% อย่างไรก็ตามมูลค่าการใช้จ่ายบริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลเฉลี่ยต่อหัวในประเทศไทยยังถือว่าต่ำอยู่ นั่นเท่ากับว่าผู้ใช้ยังคงดูแพลตฟอร์ม Streaming แบบฟรีเป็นหลัก” นางสาวรุ่งทิพย์ ระบุ
“วันนี้พฤติกรรมของผู้ใช้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้ดูแค่เฉพาะภาพยนตร์เป็นเรื่อง หรือซีรี่ส์เป็นตอนตลอดไป แต่ยังมีความหลากหลายในการดูรายการและช่องโทรทัศน์อื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย จึงทำให้ภูมิภาคนี้เป็นที่น่าสนใจและจับตามองจากผู้ให้บริการทางต่างประเทศ”
ขณะที่ นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ระบุว่า หากโครงข่ายอินเทอร์เน็ตครอบคลุมทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ มากขึ้นเท่าไหร่ก็จะสามารถทำให้ธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างแพลตฟอร์มสตรีมมิง แข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็จะสามารถทำให้ผู้ให้บริการจากฝั่งตะวันตกที่มีเนื้อหาจำนวนมากสามารถที่จะนำมาสู่สายตาคนไทยได้อย่างเปิดกว้างมากขึ้น
“ส่วนตัวมองว่า ในอนาคตจะสามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายรายหัวบนโลกดิจิทัลจาก 17-18% ของผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ต ในไทยไประดับ 30% ได้ เพราะเมื่อเทียบกับค่าครองชีพอื่นๆ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่ได้ถือว่าสูงเกินไปและ ความพรีเมี่ยมของคอนเทนท์ต่างๆจะดึงดูดให้คนจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น”
ขณะเดียวกันมองว่าในอนาคตอินเทอร์เน็ตบ้านจะเติบโตมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามก็จะแปรผกผันต่อสภาพเศรษฐกิจด้วย เพราะฉะนั้นตอนนี้ ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน จะต้องวางโครงข่ายให้ครอบคลุมมากที่สุดพร้อมต่อการเติบโตและทำให้อินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรายได้ของคนไทย
ราคาค่าบริการแพลตฟอร์ม Max
Mobile Package ราคาพิเศษที่ AIS เท่านั้น เพียง 99บาท/เดือน และ 890 บาท/ปี
- สตรีมบนอุปกรณ์ 1 เครื่อง
- ความละเอียดวิดีโอมาตรฐาน HD
- รับชมได้เฉพาะบนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต
- ดาวน์โหลดได้ 15 รายการเพื่อรับชมได้ทุกที่ทุกเวลา
Standard Package 199 บาท/เดือน และ 1,390 บาท/ปี
- สตรีมพร้อมกันบนอุปกรณ์ได้ 2 เครื่อง
- ความละเอียดวิดีโอ Full HD
- รับชมได้บนอุปกรณ์ที่หลากหลายขึ้น รวมถึงทีวี
- ดาวน์โหลดได้ 30 รายการเพื่อรับชมได้ทุกที่ทุกเวลา
- รับชม 5 ช่องพรีเมียมบน AIS PLAY ได้แก่ HBO, HBO Signature, HBO HITS, HBO Family, Cinemax
Ultimate Package 299 บาท/เดือน และ 2,090 บาท/ปี
- สตรีมพร้อมกันบนอุปกรณ์ได้ 4 เครื่อง
- ความละเอียด 4K UHD และ Dolby Atmos (ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่รองรับ)
- รับชมได้บนอุปกรณ์ที่หลากหลายขึ้น รวมถึงทีวี
- ดาวน์โหลดได้ 100 รายการเพื่อรับชมได้ทุกที่ทุกเวลา (จำกัดจำนวน)
- รับชม 5 ช่องพรีเมียมบน AIS PLAY ได้แก่ HBO, HBO Signature, HBO HITS, HBO Family, Cinemax
และเตรียมสัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงบน Max พร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่างไร้ข้อจำกัด ทุกที่ทุกเวลา
- สร้างโปรไฟล์ได้ไม่ซ้ำกันถึง 5 โปรไฟล์ (Multiple user profiles) และปรับแต่งได้ตามใจด้วยตัวละครโปรด เป็นอวตาร์ประจำตัว
- การแนะนำคอนเทนต์เฉพาะบุคคล (Personalized Recommendations)
- ปรับฟีเจอร์การค้นหาให้มีประสิทธิภาพ ราบรื่น รู้ใจผู้ใช้งานมากขึ้น (Improved Search Functionality)
- ปรับแต่งโปรไฟล์สำหรับเด็ก ซึ่งคัดสรรเนื้อหาที่เหมาะสมกับวัยภายใต้การควบคุมของผู้ปกครอง (Parental controls)
- แฟนๆ สามารถเก็บเนื้อหาที่ชื่นชอบไว้ใน My List ได้ หรือโหมดดูอย่างต่อเนื่องในรายการที่เปิดค้างไว้ หลังออกจากแอป
นางสาวรุ่งทิพย์ กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า “การทำงานร่วมกับ Warner Bros. Discovery ต้อนรับ บริการ Max สู่เมืองไทย ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการเชื่อมต่อประสบการณ์ดิจิทัลให้กับลูกค้า โดยใช้ศักยภาพโครงข่ายสื่อสารอัจฉริยะทั้ง บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต และ 5G ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ พร้อมตอกย้ำความเป็น Entertainment HUB หรือ ศูนย์กลางการรับชมคอนเทนต์ความบันเทิงชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในไทยของ AIS ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานทุกกลุ่ม อันจะเป็นการร่วมผลักดันการเติบโตของบริการ Streaming ในเมืองไทยได้อีกด้วย”