ข่าว
เริ่มแล้ว! กงสุล สหรัฐอเมริกา แจ้งผู้ขอ วีซ่าสหรัฐฯ นักเรียน-นักศึกษา ต้องตั้งค่าเปิดโซเชียลเป็น “สาธารณะ” หลัง “ทรัมป์” สั่งเข้ม

สำนักข่าวบริคอินโฟ – สถานทูตสหรัฐฯและสถานกงสุลในประเทศไทย ประกาศผ่านเฟซบุ๊กเพจ U.S. Embassy Bangkok ว่า ผู้ยื่นขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ประเภท F (ศึกษาต่อในสถาบันศึกษาของสหรัฐฯ) M (ร่วมเวิร์กช็อปหรือฝึกอบรมที่ไม่วิชาการ) และ J (แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการศึกษา) ทุกท่านต้องปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของบัญชีโซเชียลมีเดียทั้งหมดเป็นแบบ “สาธารณะ”สำหรับการตรวจสอบข้อมูลที่จำเป็นในการยืนยันตัวตนและคุณสมบัติในการเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาภายใต้กฎหมายของสหรัฐฯ โดยข้อกำหนดนี้มีผลบังคับใช้ทันที
- อ่าน : สหรัฐฯ ปรับอันดับไทยเป็นประเทศปลอดภัยสูงสุดสำหรับนักท่องเที่ยว (Level 1) หนุนเชื่อมั่นท่องเที่ยว
การประกาศครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา รัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งให้สถานทูตและสถานกงสุลสหรัฐฯ กลับมาดำเนินการนัดหมายเพื่อขอวีซ่านักเรียนได้ตามปกติแล้ว แต่จะมีการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบข้อมูลบนโซเชียลมีเดียของผู้สมัครอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีเป้าหมายเพื่อระบุตัวผู้สมัครที่มีแนวโน้มจะเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐอเมริกา โดยนโยบายใหม่นี้เป็นผลมาจากความกังวลด้านความมั่นคงและเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความเสียหายต่อชาวอเมริกันและผลประโยชน์ของชาติ
ทั้งหมดเป็นผลต่อเนื่องจาก เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลทรัมป์ได้สั่งให้สถานทูตและสถานกงสุลในต่างประเทศระงับการนัดหมายใหม่สำหรับผู้สมัครวีซ่านักเรียนและวีซ่านักเรียนแลกเปลี่ยน โดยให้เหตุผลว่ากระทรวงการต่างประเทศเตรียมที่จะขยายมาตรการตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักเรียนต่างชาติ ซึ่ง นายมาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีการเผยแพร่แนวทางที่ปรับปรุงใหม่เมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้น
เอกสารภายในลงวันที่ 18 มิถุนายน ซึ่งลงนามโดย นายรูบิโอ (Rubio) และส่งถึงคณะผู้แทนทางการทูตทั้งหมดของสหรัฐฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กงสุลพิจารณา “ผู้สมัครที่มีประวัติการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง หรือมีมุมมองและกิจกรรมตามที่กล่าวมาข้างต้น คุณจะต้องพิจารณาความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะยังคงดำเนินกิจกรรมดังกล่าวในสหรัฐอเมริกา”
เอกสารดังกล่าว ซึ่งได้รับการรายงานครั้งแรกโดย Free Press โดยเอกสารยังได้ให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่กงสุลในการขอให้ผู้สมัครเปิดเผยบัญชีโซเชียลมีเดียทั้งหมดเป็นสาธารณะ โดยระบุในเอกสารว่า “ย้ำเตือนผู้สมัครว่าการจำกัดการเข้าถึง… การแสดงตัวตนบนโลกออนไลน์ อาจตีความได้ว่าเป็นการพยายามหลีกเลี่ยงหรือซ่อนกิจกรรมบางอย่าง”
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นไปตามมาตรการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้นของรัฐบาลในเดือนที่แล้ว สำหรับผู้สมัครวีซ่าที่ต้องการเดินทางไปมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ซึ่งระบุในเอกสารภายในอีกฉบับของกระทรวงการต่างประเทศว่า จะใช้เป็นโครงการนำร่องสำหรับการคัดกรองที่ขยายวงกว้างขึ้นต่อไป