ข่าว
ถอดบทเรียนแผ่นดินไหวเมียนมา: จุฬาฯ แนะวิธีประชาชนรับมือเพื่อความปลอดภัย

สำนักข่าวบริคอินโฟ – จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาที่ส่งผลกระทบถึงหลายจังหวัดในประเทศไทย สร้างความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนในวงกว้าง รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฏฐ์ ลีละวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการภัยพิบัติ ได้เผยแนวทางการรับมือสถานการณ์แผ่นดินไหวสำหรับประชาชน เพื่อความปลอดภัยทั้งในระหว่างและหลังเกิดเหตุการณ์
เมื่อเกิดแผ่นดินไหวและอยู่ในอาคาร สิ่งแรกที่ควรทำคือ หาที่กำบังที่แข็งแรง เช่น ใต้โต๊ะ เพื่อป้องกันศีรษะและร่างกายจากสิ่งของที่อาจหล่นมาใส่ ควรรอจนกว่าการสั่นสะเทือนจะหยุดลงจึงค่อยอพยพออกจากอาคารอย่างระมัดระวัง ไม่ควรรีบร้อนขณะที่ยังมีการสั่นไหวเพราะอาจหกล้มหรือได้รับบาดเจ็บได้ ที่สำคัญคือ ต้องตั้งสติ สวมเสื้อผ้าและรองเท้าให้พร้อม พกเครื่องมือสื่อสารและบัตรแสดงตัวตนติดตัวไปด้วย
เมื่อออกมานอกอาคารแล้ว ให้ไปรวมตัว ณ จุดรวมพล ที่เจ้าหน้าที่กำหนด ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยและมีหน่วยพยาบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น ควรรออยู่ในจุดรวมพลจนกว่าจะได้รับประกาศจากเจ้าหน้าที่ให้กลับเข้าอาคารได้
หลังเหตุการณ์สงบ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ ตรวจสอบความปลอดภัยของบ้าน โดยสังเกตความเสียหายของโครงสร้าง เช่น อาคารทรุด เสาหัก หรือมีรอยร้าวขนาดใหญ่ หากพบความเสียหายรุนแรงไม่ควรเข้าไปในอาคาร หากจำเป็นต้องเข้าไป ควรมีเจ้าหน้าที่หรือผู้อื่นร่วมตรวจสอบด้วย สำหรับการสังเกตรอยร้าวเบื้องต้น
รองศาสตราจารย์ ดร.ฉัตรพันธ์ จินตนาภักดี อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “หากรอยร้าวเป็นเส้นเล็กเทียบเท่าเส้นผม ยังถือเป็นระดับความเสียหายที่ไม่รุนแรง แต่ถ้ารอยร้าวเทียบเท่าเส้นสปาเก็ตตี้ ถือว่าเริ่มอันตรายแล้ว” หากรอยร้าวมีขนาดเท่าเส้นสปาเก็ตตี้หรือใหญ่กว่า ควรให้วิศวกรผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ
นอกจากโครงสร้างแล้ว ระบบต่าง ๆ ภายในบ้าน ก็ต้องตรวจสอบ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา รวมถึงประตูและหน้าต่าง หากพบความผิดปกติ เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร น้ำรั่ว หรือประตูหน้าต่างเปิดปิดยาก แสดงว่าบ้านอาจมีความเสียหายเกิดขึ้น การประเมินความเสียหายแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ เล็กน้อย ปานกลาง และรุนแรง ซึ่งแต่ละระดับมีแนวทางการจัดการที่แตกต่างกัน หากมีความเสียหายระดับปานกลางหรือรุนแรง ควรปรึกษาวิศวกรโยธา หรือวิศวกรโครงสร้าง เพื่อประเมินและดำเนินการซ่อมแซมอย่างเหมาะสม หรือสามารถติดต่อ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) หรือ กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงแอปพลิเคชัน Traffy Fondue ของกรุงเทพมหานคร เพื่อขอความช่วยเหลือจากวิศวกรอาสาได้
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยยังขาด “ภัยพิบัติศึกษา” และการฝึกซ้อมรับมือภัยพิบัติอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ การจัดการระบบสารสนเทศและการตรวจสอบข่าวสารก่อนส่งต่อก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการสร้างความตื่นตระหนก นอกจากนี้ ควร เตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยาสามัญประจำบ้าน และอุปกรณ์จำเป็นอื่น ๆ ที่สำคัญ อาจารย์ณัฏฐ์ยังแนะนำให้ พกนกหวีด ติดตัวไว้เสมอ เพื่อใช้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือในกรณีที่ไม่สามารถอพยพออกมาได้