ข่าว
บางกอกเคเบิ้ลแนะ 5 จุดตรวจเช็คสายไฟหลังแผ่นดินไหว พร้อม 3 มาตรการป้องกันเพื่อความปลอดภัย

สำนักข่าวบริคอินโฟ – บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) ในฐานะผู้นำตลาดสายไฟฟ้าของประเทศไทยที่มีประสบการณ์กว่า 60 ปี ได้ออกมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจเช็คสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งในบ้านพัก อาคารชุด และอาคารทั่วไป เพื่อป้องกันปัญหาไฟฟ้าขัดข้องและลดความเสี่ยงจากอัคคีภัย
สำหรับเจ้าของบ้าน ห้องชุด หรืออาคาร มี 5 จุดหลักที่ควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าหลังเกิดแผ่นดินไหว ได้แก่
- ตู้ควบคุมไฟฟ้า (Main Distributor Board หรือ MDB) และตู้ย่อยอื่นๆ ว่าประตูยังปิดสนิท ไม่มีรอยบิดเบี้ยวหรือความเสียหายเชิงโครงสร้าง
- ระบบสำรองไฟฟ้า เช่น เครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) แบตเตอรี่สำรอง หรือเครื่องปั่นไฟ ว่ายังใช้งานได้ตามปกติ
- เบรกเกอร์หลักและระบบป้องกันไฟฟ้า ต้องทำงาน ไม่ตัดวงจรอัตโนมัติ
- จุดเชื่อมต่อและการยึดติดของสายไฟฟ้า ต้องไม่มีร่องรอยการขาด ชำรุด หรือหลุด และรางสายไฟยังยึดแน่น
- สภาพของสายไฟฟ้า ต้องไม่มีรอยฉีกขาด ฉนวนแตก หรือละลาย ซึ่งอาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือความร้อนสะสม โดยสามารถสังเกตด้วยการมอง ฟังเสียงผิดปกติ หรือดมกลิ่นไหม้

นายพงศภัค นครศรี ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขายและการตลาด บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) ระบุว่า “กรณีเป็นเจ้าของห้องพักคอนโดมิเนียม หรือผู้เช่า อาจไม่สามารถตรวจสอบตู้ MDB เองได้ และอาจต้องรอการยืนยันความปลอดภัยจากนิติบุคคลอาคาร เช่น ระบบลิฟท์ หรือสายไฟในพื้นที่ส่วนกลาง หากพบความเสียหาย ห้ามซ่อมแซมเองเด็ดขาด ต้องแจ้งช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น”
นายพงศภัค กล่าวเพิ่มเติมว่า แผ่นดินไหวอาจสร้างความเสียหายต่อระบบไฟฟ้า ทำให้สายไฟชำรุดจนเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้ได้ การเลือกใช้สายไฟที่ได้มาตรฐานและการติดตั้งที่ถูกวิธีจึงมีความสำคัญ รวมถึงการติดตั้งสายไฟลงดิน เช่น สายไฟ 450/750V NYY และ สายไฟ 0.6/1kV CV ที่มีตัวนำทองแดง ฉนวน XLPE และเปลือก PVC นอกจากนี้ การเลือกใช้สายไฟที่มีความยืดหยุ่นและทนทานในอาคารก็เป็นสิ่งสำคัญ
สำหรับอาคารเก่าที่ไม่สามารถออกแบบระบบไฟฟ้าใหม่ได้ทั้งหมด สามารถปรับปรุงเพื่อป้องกันแผ่นดินไหวได้ 3 ระดับ ได้แก่
- เพิ่มจุดยึด (Seismic Bracing) ให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าหลัก เปลี่ยนจุดต่อสายไฟเป็นแบบยืดหยุ่น และเดินสายไฟในท่อร้อยสายที่มีความยืดหยุ่น
- เปลี่ยนสายไฟเป็นแบบยืดหยุ่นสูง ติดตั้งระบบตัดไฟอัตโนมัติ (Seismic Shutoff Switch) และเสริมความแข็งแรงของรางสายไฟ
- พิจารณารีโนเวทระบบไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด หากสายไฟเก่าฝังในผนังที่แตกร้าว หรือใช้สายไฟตัวนำเดี่ยวที่ไม่ยืดหยุ่น
“เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการเลือกใช้ สายไฟที่มีคุณภาพสูง จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและได้รับมาตรฐาน มอก. เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยตรง” นายพงศภัค ย้ำ
หลักเกณฑ์ในการเลือกสายไฟคุณภาพ ได้แก่
- นำไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยทองแดงบริสุทธิ์ 99.99%
- มีความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน ฉนวนไม่เบี้ยวหรือบาง บรรจุภัณฑ์ไม่ฉีกขาด
- ได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เช่น มอก., ISO เป็นต้น
บางกอกเคเบิ้ล ในฐานะผู้ผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลชั้นนำของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2507 ให้ความสำคัญกับการผลิตสายไฟคุณภาพภายใต้แนวคิด “เซฟคน เซฟเมือง เซฟสิ่งแวดล้อม” โดยมีการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง มีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จัดอบรมให้ความรู้ด้านสายไฟฟ้า และมีส่วนร่วมในโครงการสำคัญต่างๆ ของประเทศ เช่น โครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 และโครงการ ASEAN Power Grid