Connect with us

ข่าว

สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีน กกร. ชี้สงครามการค้ารอบใหม่เริ่มแล้ว

Published

on

สำนักข่าวบริคอินโฟ – กกร. เผยสงครามการค้ารอบใหม่ปะทุขึ้นแล้ว สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีน สูงสุด 25% หวั่นกระทบเศรษฐกิจโลกปี 2568-2569 ขณะที่สินค้าต่างชาติทะลักเข้าไทยกระทบภาคการผลิตในประเทศ วอนรัฐเร่งเจรจาการค้าและใช้มาตรการเข้มข้นรับมือ

ภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ระบุว่า สงครามการค้ารอบใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เมื่อสหรัฐฯ ประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าต่อกลุ่มประเทศเป้าหมาย ทั้งต่อเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และจีนในอัตรา 10% ซึ่งจะส่งผลลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2568 และจะยิ่งส่งผลกระทบมากขึ้นในปี 2569

กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2568 ของ กกร.

(ณ ธ.ค. 67) ปี 2567

  • GDP 2.8
  • ส่งออก 5.4*
  • เงินเฟ้อ 0.4*

(ณ ม.ค. 68) ปี 2568

  • GDP 2.4 ถึง 2.9
  • ส่งออก 1.5 ถึง 2.5
  • เงินเฟ้อ 0.8 ถึง 1.2

(ณ ก.พ. 68) ปี 2568

  • GDP 2.4 ถึง 2.9
  • ส่งออก 1.5 ถึง 2.5
  • เงินเฟ้อ 0.8 ถึง 1.2

หมายเหตุ: *เลขจริง
ที่มา: สศช. พณ. และประมาณการโดย กกร.

นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางการค้ายังส่งผลให้สินค้าจากต่างชาติเข้ามาแย่งตลาดและกระทบต่อภาคการผลิตของไทย โดยเฉพาะสินค้าสำคัญ เช่น เหล็ก พลาสติก เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องนุ่งห่ม แก้วและกระจก เครื่องสำอาง เป็นต้น

Advertisement

กกร. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวจำกัด จากการกีดกันทางการค้าที่รุนแรงและทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความท้าทายต่อการส่งออก จำเป็นอย่างยิ่งในการวางแนวทางเพื่อลดผลกระทบทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว โดยใช้ประโยชน์จากกระแสการแยกขั้วของ Supply Chain ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI)

กกร. ได้เสนอแนวทางเตรียมความพร้อมรับมือกับผลกระทบจากนโยบายสหรัฐฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การเจรจาระดับรัฐเพื่อป้องกันและบรรเทาการใช้มาตรการทางการค้าจากสหรัฐฯ สนับสนุนด้านกฎหมายและกฎระเบียบการค้า บูรณาการเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมภายในประเทศและปฏิรูปกฎหมาย ใช้มาตรการทางการค้าเพิ่มเติม ควบคุมการตั้งหรือขยายโรงงาน ส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศ เป็นต้น

นอกจากนี้ กกร. ยังสนับสนุนรัฐบาลในการยกระดับการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นวาระแห่งชาติ และเสนอแนวทางดำเนินการเชิงรุก เช่น สนับสนุนการให้เงินอุดหนุนในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อเร่งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาลดปัญหาฝุ่นละอองและการเผาในภาคเกษตรกรรม ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าไม้ ผลักดันกลไกภาคเอกชนให้มีส่วนร่วมในคณะกรรมการต่างๆ สนับสนุนการใช้แผนที่ One Map และเตรียมความพร้อมปฏิบัติตามมาตรการ EUDR ใช้กลไกความร่วมมืออาเซียน เป็นต้น

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังสนับสนุนแนวทางการยกระดับการจัดการบัญชีม้าของสมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก และสนับสนุนแนวทางการยกระดับการจัดการบัญชีม้าของสมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก

Advertisement