ข่าว
EA ระดมทุน 7.4 พันล้านบาท เสริมแกร่งธุรกิจ จับมือพันธมิตรจีน ผลิตรถ EV-แบตเตอรี่ หลังเจอข่าวใหญ่ไป ปี 67

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของไทย ประกาศความสำเร็จในการระดมทุนกว่า 7,400 ล้านบาท จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นในการประชุมเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568
EA เผยว่าจะนำเงินทุนที่ได้ไปชำระคืนเงินกู้และหุ้นกู้ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเสริมสร้างธุรกิจ หลังจากการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดย EA มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักที่สร้างกำไรอย่างต่อเนื่อง คือ ธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ และธุรกิจสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคิดเป็น 60% ของรายได้และเกือบทั้งหมดของกำไร
นายฉัตรพล ศรีประทุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่ได้จัดการธุรกิจจนสถานการณ์เริ่มนิ่งแล้ว ผ่านการตัดสินใจที่ยากลำบากบางอย่าง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้กลับมาคือ กระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง เป็นบวก และการสร้างกำไรอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจที่มีกำไรและปรับโครงสร้างธุรกิจที่ขาดทุน”
สำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์และธุรกิจแบตเตอรี่ EA ได้ปรับกลยุทธ์โดยร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศจีน โดย EA ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ Chengli Special Automobile Co., Ltd. ผู้ผลิตรถยนต์ประเภทพิเศษรายใหญ่ของจีน เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าประเภทพิเศษ เช่น รถพยาบาล รถขยะ และรถกระเช้า โดยจะใช้โรงงานของ EA ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา คาดว่าจะเริ่มการผลิตในเดือนเมษายน 2568
นอกจากนี้ EA ยังได้ร่วมมือกับผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำจากจีน เพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแห่งใหม่ โดยจะขยายกำลังการผลิตจาก 2 กิกะวัตต์ เป็น 4 กิกะวัตต์ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) ทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะลงนามข้อตกลงการร่วมทุนในเดือนกุมภาพันธ์นี้
นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน EA กล่าวว่า การระดมทุนครั้งนี้จะช่วยลดหนี้สินของบริษัท ลดภาระดอกเบี้ย และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน โดย EA ตั้งเป้าลดหนี้สินจาก 58,664 ล้านบาท เหลือ 52,004 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ EA รายงานว่ากระแสเงินสดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 เป็นบวก 5,610 ล้านบาท พลิกจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ติดลบ 1,726 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 1,852 ล้านบาท