Connect with us

ข่าว

อินโดรามา เวนเจอร์ส เดินหน้า RECO Collective 2025 ขยายความยั่งยืนสู่เฟอร์นิเจอร์และสินค้าไลฟ์สไตล์

Published

on

RECO Collective 2025

อินโดรามา เวนเจอร์ส สานต่อโครงการ RECO Collective 2025 มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ในอุตสาหกรรมแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าไลฟ์สไตล์ ให้หันมาใช้วัสดุรีไซเคิลจากขวด PET 100% ในการออกแบบและผลิตสินค้า โดยร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำตลอดห่วงโซ่คุณค่า หวังผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

โครงการ RECO Collective เริ่มต้นขึ้นในปี 2554 ในรูปแบบการประกวด RECO Young Designer Competition ปัจจุบันได้ขยายขอบเขตจากวงการแฟชั่น สู่เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน และสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยมุ่งเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์จากวัสดุรีไซเคิล เพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ และสะท้อนวิสัยทัศน์ของอินโดรามา เวนเจอร์ส ในการสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าของวัสดุรีไซเคิล

สำหรับโครงการในปีที่ 2 นี้ ได้ขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่ผู้ประกอบการ SMEs รุ่นใหม่ พร้อมขยายเครือข่ายพันธมิตร อาทิ Thai Taffeta ผู้จัดหาผ้าจากเส้นด้าย PET รีไซเคิล 100% และ Jaspal Group ผู้นำธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ โดยมีกิจกรรมหลัก ได้แก่ RECO Incubation Lab แพลตฟอร์มแบ่งปันความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ และการให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ SMEs ทั้ง 6 แห่ง เช่น tISI, Endless Holiday, KH Editions, Mobella, Anew.Craft และ Daybreak ในการเปิดตัวคอลเลคชั่นสินค้าที่ยั่งยืน

“RECO Collective ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตัวผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงนักออกแบบ ธุรกิจ และผู้บริโภคที่มีความมุ่งมั่นในด้านความยั่งยืนร่วมกัน” นางอาราธนา โลเฮีย ชาร์มา รองประธานบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าว

Advertisement

“RECO Collective เป็นตัวแทนของความมุ่งมั่นของอินโดรามา เวนเจอร์ส ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรีไซเคิล”

นางสาวกมลนาถ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการหลักสูตร RECO Incubation Lab กล่าวว่า “RECO Collective ไม่ได้เน้นเพียงแค่การให้ความรู้ในการผลิตและออกแบบเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการรีไซเคิล การนำกลับมาใช้ใหม่ และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพื่อลดปัญหาการผลิตเกินจำเป็นและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”

โครงการ RECO Collective เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น สนับสนุนการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน และแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์รักษ์โลกสามารถตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและการใช้งาน