ข่าว
TikTok ไทย โต้ข่าวดันยอดคลิปแนวนอน ย้ำ! คอนเทนต์ดี ยังไงก็มีคนดู พร้อมเปิดออฟฟิศใหม่ดันอีคอมเมิร์ซ

หลังจากกรณีที่มีกระแสข่าวจากต่างประเทศว่า Tiktok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นของ ByteDance มีแผนจะดันคลิป “แนวนอน” ให้มียอดการเข้าถึงสูงขึ้นภายใน 72 ชั่วโมง ล่าสุดวันนี้ (30 ม.ค. 67) จัดงาน “TikTok For All” – แพลตฟอร์มที่สร้างโอกาสให้ครีเอเตอร์ไทย ธุรกิจไทย และคอมมูนิตี้ไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน โดย ชนิดา คล้ายพันธ์ Head of Public Policy – Thailand ระบุว่า สำหรับประเทศไทย ยังไม่ได้รับรายงานถึงนโยบายดังกล่าวแต่อย่างใด
ขณะที่ภายในงานผู้สื่อข่าวถามถึงประเภทคอนเทนต์ยอดนิยม TikTok และเทรนด์ต่าง ๆ พิสุทธิ์ โรจน์เลิศจรรยา, Head of Operations – Thailand มองว่า แม้ว่าแนวโน้มของผู้ชมจะหันมาดูคอนเทนต์ยาว (Long Form) และคอนเทนต์ 1 นาทีขึ้นไป เป็นช่วงเวลาที่คนชื่นชอบที่จะรับชม แต่การทำคลิปอะไรก็ได้ 1 นาทีขึ้นไป ก็ไม่ได้แปลว่าจะมีคนดูหรือถืออัลกอรึทึมดันให้แสดงผลมากขึ้น เพราะปัจจัยสำคัญที่ทำให้คอนเทนต์ยอดวิวดี คือ คอนเทนต์ที่ดี เพราะถ้าคลิประยะเวลาได้ แต่คลิปไม่น่าดู ก็ไม่มีคนดู ซึ่งข้อมูลที่แสดงให้เห็นคือ ถ้าหาวิดีโอนั้นมีคนดูจนจบคลิปมากขึ้น ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้คลิปมีคนดูเยอะ
ภายในงานแถลงข่าว ชนิดา กล่าวว่า “TikTok ยังคงมุ่งมั่นในการสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน โดยเราขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ผ่านแนวคิด TikTok for Smart Economy, Smart People, and Smart Environment แนวคิดนี้ช่วยให้ทุกคนสามารถแบ่งปันเรื่องราวผ่านความคิดสร้างสรรค์ และเป็นแรงบันดาลใจให้สร้าง positive impact ผ่านแคมเปญที่หลากหลายของเราที่ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความยั่งยืน”
TikTok มอบทักษะและความรู้ด้านดิจิทัลเพื่อยกระดับความรู้และทักษะให้กับคอมมูนิตี้ผู้ใช้ชาวไทย รวมถึงหลักสูตรออนไลน์ความรู้ด้านดิจิทัลสำหรับเยาวชนไทย โดยความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (BMA) นอกจากนี้ TikTok ยังจัดโปรแกรมอบรมทักษะดิจิทัลสำหรับธุรกิจท้องถิ่น โดยความร่วมมือกับกรมพัฒนาชุมชน สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น (OTOP) จำนวน 532 แห่งทั่วประเทศในเฟสแรก โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนอีกกว่า 1,000 แห่งในปีนี้ ทั้งนี้ TikTok ยังคงสร้างโอกาสอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนให้เกิด positive impact ผ่านแคมเปญต่างๆ เพื่อคอมมูนิตี้ผู้ใช้ชาวไทยทุกคน
ด้าน Head of Operations – Thailand กล่าวอีกว่า “TikTok ตั้งเป้าในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้กับประเทศไทยโดยให้การสนับสนุนคนไทยผ่านอีโคซิสเต็มบนแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์ ความมุ่งมั่นของเราคือการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้กับคอมมูนิตี้ผู้ใช้ของเรา รวมถึงการค้นหา และเพลิดเพลินไปกับคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย แพลตฟอร์มของเรายังสร้างโอกาสและมุ่งมั่นในการปลดล็อคความเป็นไปได้ให้กับครีเอเตอร์ของเราในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผลงานเพื่อรักษาและยกระดับความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา”
TikTok ได้พัฒนาไปมากกว่าการเป็นแพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนท์ โดยเป็นตัวเร่งที่ทำให้เกิดช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงชีวิต (life-changing moments) ของครีเอเตอร์ ในปี 2567 TikTok พร้อมขยายการสนับสนุนการสร้างคอนเทนต์ไปที่พาร์ทเนอร์ผู้ผลิตคอนเทนต์ด้วยกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น เวิร์คช็อปพิเศษสำหรับพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตคอนเทนต์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และยังคงสนับสนุนการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพต่อไปโดยขยายความร่วมมือระดับเวิลด์คลาสกับครีเอเตอร์ระดับโลก ช่วยให้ครีเอทีฟคอมมูนิตี้ที่หลากหลายสามารถแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ไปพร้อมๆ กับเพิ่มขีดความสามารถของตนเอง
กรณิการ์ นิวัติศัยวงศ์, Head of FMCG, E-Commerce – Thailand กล่าวว่า “TikTok Shop คือ อีโคซิสเต็มอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรซึ่งผู้ใช้สามารถเปลี่ยนจากการค้นพบไปสู่การตัดสินใจได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เราสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบ infinity loop โดยทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นตั้งแต่การค้นพบไปจนถึงการพิจารณา การซื้อ และการรีวิว แล้วกลับไปสู่การค้นพบอีกครั้ง ปัจจุบันเราสนับสนุนผู้ขายจำนวนมากกว่า 2.4 ล้านราย โดย 99% เป็นผู้ขายในประเทศ เรายังคงส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหว่างผู้ขายและผู้บริโภค ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศเติบโต”
ในปี 2567 TikTok มุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนแก่ผู้ขายและธุรกิจในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพให้พวกเขาเติบโตและคว้าโอกาสทางธุรกิจได้ โดย TikTok ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจอีคอมเมิร์ซผ่านการควบรวมคอนเทนต์ความบันเทิงและคอมเมิร์ซเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับประสบการณ์ช็อปปิ้งอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ

ชลธิชา งามกมลเลิศ, Head of Client Partnership, TikTok กล่าวว่า “ในฐานะของแพลตฟอร์มเอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่สร้าง impact TikTok ได้พัฒนาไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มแบบไดนามิกที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารเรื่องราวของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้าง positive impact ในปี 2567 TikTok ตั้งเป้าที่จะขับเคลื่อนการเติบโตในกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค (CPG), คอมเมิร์ซ, อาหารและเครื่องดื่ม (F&B), ยานยนต์, การเงิน, และแอปพลิเคชั่น ด้วยการผสมผสานคอนเทนต์แบบไดนามิก และกลยุทธ์อีคอมเมิร์ซ โดยเรายังคงมุ่งมั่นในการเร่งสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจในทุกขนาด”
พลังของ TikTok ได้ขยายไปที่ customer journey โดยมีผลต่อกระบวนการตัดสินใจและยังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดพฤติกรรมผู้บริโภค จากผลการศึกษาของ TikTok พบว่าการดูคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่เพิ่มขึ้น โดยมากกว่า 70% ของผู้บริโภคพึ่งพาวิดีโอบน TikTok ยิ่งไปกว่านั้น TikTok ยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับคอมมูนิตี้ด้วยการส่งเสริมโอกาสในการเติบโตสำหรับธุรกิจทุกขนาดผ่านเทรนด์ Shoppertainment และทรานส์ฟอร์มประสบการณ์การช้อปปิ้งด้วยการผสานความบันเทิงและคอมเมิร์ซอย่างลงตัว ต่อจากนี้ TikTok จะยังคงส่งเสริมให้แบรนด์ต่างๆ สร้าง Impact ให้กับธุรกิจในทุกขนาดอย่างต่อเนื่อง และขยายการเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มอย่างมีนัยยะสำคัญ